บล.KTBST คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย

06 มี.ค. 2560 | 05:13 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

บล.KTBST คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (6-10 มี.ค.) มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากแนวโน้มเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย ตลาดยังขาดปัจจัยบวก มองกรอบดัชนีที่ 1,550-1,580 จุด แนะทำกำไรในหุ้นที่เสี่ยงต่อการเทขาย

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินทิศทางตลาดไทยในสัปดาห์นี้ (6-10 มี.ค.) ว่า จากที่ตลาดผ่านการติดตามการแถลงนโยบายเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสของประธานาธิบดีสหรัฐฯมาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่หาเสียงไว้ นั่นหมายความประธานาธิบดีสหรัฐฯจะผลักดันให้มีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญๆ 2 นโยบายคือ ลดภาษีและลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค ผลที่จะตามา คือเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวมากขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯต่างขึ้นมารอข่าวบวกนี้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ตลาดหุ้นอื่นๆ กลับมาความกังวลต่อโอกาสในการที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค.นี้ จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่เชื่อว่าโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ยมีเพียง 30% โดยสิ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ความน่าจะเป็นปรับขึนไปถึงระดับ 90% แล้ว ผลที่จะส่งต่อมาถึงตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ คือ ความกังวลและอาจมีการปรับพอร์ตเพื่อรับการปรับดอกเบี้ยของ Fed

"ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (6-10 มี.ค.) ว่าดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากแนวโน้มที่ Fed จะปรับดอกเบี้ยมีมากขึ้นจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศปรับพอร์ตรับดอกเบี้ยขึ้น ขณะที่ตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ หลังผ่านช่วงของการรายงานงบการเงินไปแล้ว ผลบวกจากนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯถูกรับรู้กันมาระดับหนึ่งแล้วและไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนจากที่รู้กันมาก่อนหน้านี้ ขณะที่ การอ่อนค่าของดอลล่าร์สวนทางกับดอกเบี้ยสหรัฐฯ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่านักลงทุนมีความกังวลในตลาด คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX สัปดาห์นี้ที่ 1,550-1,580 จุด"

ส่วนปัจจัยในประเทศ เนื่องจากผ่านช่วงการส่งงบการเงินไปแล้ว แรงเก็งกำไรในเรื่องงบน้อยลง หุ้นจะทยอยขึ้น “XD” หลังขึ้นเครื่องหมายไปแล้ว อาจเห็นการขายหุ้นเหล่านี้ออกมา (มีผลมากในหุ้นที่ให้ Dividend Yield สูงเกิน 4% และจ่ายเงินปันผลปีละหนึ่งครั้ง) สำหรับค่าดอลล่าร์ที่ยังคงอ่อนค่า ส่งผลให้ค่าเงินบาทยังถึงว่าแข็งค่ามาก ล่าสุด 35.00 บาท/ดอลล่าร์ หากเงินบาทแข็งค่ากว่าเงินสกุลเอเชียสกุลอื่น จะเป็นลบต่อตลาดและหุ้นที่มีรายได้เป็นเงินดอลล่าร์

ดังนั้นแม้นักลงทุนหรือตลาดหุ้นไทย จะมีการพักฐานหรือชะลอตัวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่อาจยังมีความเสี่ยงขาลงอยู่บ้างจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศและตลาดขาดปัจจัยหนุน กลยุทธ์เรามองว่าชะลอการลงทุน เลือกขายหุ้นที่เสียงต่อการขายของนักลงทุนต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หุ้นในบางประเภท คือหุ้นที่มีปัจจัยบวก ทั้งจากนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ หุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังดีและอิงกับภาวะเศรษฐกิจ และมีความเสี่ยงไม่มากนัก อาจยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น BR , APURE , ITEL , SUSCO , PIMO , MAJOR