หุ้นไทยเปิดลดลง 2.07 จุด นักวิเคราะห์ชี้ตลาดแกว่งตัวแบบ sideway
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ตลาดหุ้นเช้า วันที่ 24 ก.พ. 2560 เวลา 09.57 น.ลดลง 2.07 จุด หรือ -0.13% ดัชนีอยู่ที่ 1,565.25 จุด มูลค่าซื้อขาย 1,234.96 ล้านบาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (24 ก.พ.) ความคืบหน้าในเรื่องแผนลดภาษีของสหรัฐฯที่มีเข้ามาในตลาด หลังรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ระบุจะผ่านสำนักข่าว CNBC ว่าจะผลักดันแผนปฎิรูปภาษีเข้าสภาฯ ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ค่าความน่าจะเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เดือน มี.ค. สูงขึ้นจาก 34% เป็น 38% นักลงทุนยังเชื่อว่า Fed จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนหน้า แต่ถึงกระนั้น ยังคงต้องรอถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed ที่จะมีก่อนการประชุม และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ว่า Fed ที่จะส่งสัญญาณว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.ได้หรือไม่
ด้านปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเชียวันที่ผ่านมา มีแรงซื้อกลับในตลาดหุ้น อินเดีย ฟิลิปินส์ เกาหลีไต้ จากที่ขายไปในวันก่อนหน้านี้ ขณะที่พลิกมาขายในตลาดพันธบัตรแทน จากตัวเลขการซื้อขายทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ประเมินได้ว่า เวลานี้ นักลงทุนยังไม่ได้มีความมั่นใจต่อทิศทางตลาด และมีความระวังต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นในเดือนหน้าได้
ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ขึ้นมายืน $54 เหรียญ ได้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลข stock น้ำมันดิบรายงานโดย EIA ที่เพิ่มขึ้นเพียง 5.6 แสนบาร์เรล ต่ำกว่าที่คาดที่ 3.5 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ผลของการลดกำลังการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตนำมันรายใหญ่ เป็นส่วนที่สนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มโลหะ อ่อนตัวลงต่อจากวันก่อนคาดมาจากดอลล่าร์ที่ขยับสูงขึ้น และราคาสินค้าเหล่านี้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็ว ในภาพรวมของสินค้าโภคภัณฑ์ เริ่มเห็นการอ่อนตัวของราคาในกลุ่มเกษตรและโลหะ แต่ดูเป็นบวกมากขึ้นในส่วนของราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นบวกต่อผู้ผลิตน้ำมัน-ปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ จะมีการรายงานผลประกอบการเข้ามากขึ้นในวันนี้ ซึ่งจะทำให้มีความคึกคัก (ทั้งบวก-ลบ) ในหุ้นที่รายงานผลประกอบการ เรามองเป็นปัจจัยหลักๆ ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้เลย กำหนดการส่งงบการเงินวันสุดท้ายของไตรมาสนี้ คือ 28 ก.พ. ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นไทย ด้วยนักลงทุนยังคงรอดูทั้งนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ และตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ คาดทิศทางตลาดน่าจะแกว่งตัวแบบ sideway แต่ volume จะไปกระจุกตัวในหุ้นที่มีการนำส่งงบการเงินมากกว่า
"ภาพรวมๆน่าจะทรงๆตัว และยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาในตลาด กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำเลือกลงทุนเป็นรายตัว และปรับกรอบเวลาลงทุนเป็นสั้นๆ เราให้ความสนใจกับกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมีมากขึ้น รวมทั้งหุ้นที่เป็น Domestic Play และหุ้นที่กำไรออกมาดี ทั้งนี้ ในการเก็งกำไรช่วงสั้น"