เครื่องเสียงพรีเมียมสุดคึก แบรนด์ดังเปิดเกมรุกโค้งท้าย

04 ธ.ค. 2559 | 07:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

แม้ปัจจุบันภาพรวมการแข่งขันของตลาดเครื่องเสียงในเมืองไทยจะไม่คึกคักเหมือนช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในผู้เล่นแบรนด์หลักที่ต่างทยอยลดรายการสินค้า และหันมารุกตลาดเครื่องเสียงขนาดเล็กเพื่อรองรับการเติบโตของแท็บเลต-สมาร์ทโฟน ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ แต่ทว่าในกลุ่มผู้เล่นระดับซูเปอร์พรีเมียมแบรนด์ดังจากต่างประเทศกลับได้เห็นการขยับตัวเปลี่ยนตัวแทนจำหน่าย (ดิสทริบิวเตอร์) ในประเทศไทยเพื่อรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่เห็นได้ชัดเจนจาก 2 แบรนด์สุดหรูอย่าง "แบงค์แอนด์ โอลาฟเซ่น" (Bang &Olufsen) แบรนด์เครื่องเสียงและโทรทัศน์สุดไฮเอนด์จากประเทศเดนมาร์ก ที่หันมาใช้ "บริษัท เอช ดับเบิลยู เทรดดิ้ง จำกัด" ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายแทนเจ้าเดิม เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมาด้วยเหตุผลทางธุรกิจ

ล่าสุดกับอีกหนึ่งแบรนด์สุดพรีเมียมจากอังกฤษอย่าง "บาวเวอร์แอนด์วิลกิ้นส์" (Bowers & Wilkins หรือ B&W) ที่เพิ่งได้ฤกษ์เปิดตัวดิสทริบิวเตอร์รายใหม่อย่างบริษัท มิวสิคพลัสซีนีมา จำกัด หรือ M+C เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยรายล่าสุด เพื่อหวังชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาทจากตลาดเครื่องเสียงในเมืองไทยทีแบ่งเป็นสัดส่วนเป็นเครื่องเสียงไฮเอนด์ 12% ในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้จากการขยับตัวของ 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่เปิดเกมรุกตลาดเมืองไทยอย่างเต็มสูบในครั้งนี้ เชื่อได้ว่าภาพรวมตลาดจะต้องกลับมาคึกคักอย่างแน่นอน

 "B&W" เปิดเกมรุกตลาดหวังปั้นรายได้โตเท่าตัว

นายลาร์สฮันบอร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บาวเวอร์แอนด์วิลกิ้นส์ (B&W) ประจำภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก เผยถึงทิศทางการทำของแบรนด์นับจากนี้ว่า บริษัทแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ในประเทศไทยให้แก่ บริษัท มิวสิคพลัสซีนีมา จำกัด หรือ M+C ในการรุกตลาดเพื่อสร้างการเติบโตในประเทศไทยอีกรอบ เนื่องจากมองว่าภาพรวมตลาดเครื่องเสียงในประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตโดยเฉพาะในตลาดพรีเมียม ซึ่งปัจจุบันถือว่าไทยเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียน โดยตั้งเป้ายอดขายในไทยให้ได้มากกว่าเท่าตัว และคาดการณ์ว่าจะก้าวเป็น Top 2 ของเอเชียภายใน 3 ปี จากปัจจุบันที่บริษัทมียอดขายที่มาจากภูมิภาคเอเชีย 25% และ Top 3 ของของไทยภายใน 2 ปี

"เราจะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้ง หูฟัง แบบมีสายและไร้สาย และลำโพงแบบต่าง ๆ รวมถึงบริการหลังการขายระดับสากลที่เรียกว่า Dimond Care Warranty พร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รุ่น 800 ซีรีส์ทั้งสิ้น 5 รุ่น 15 รายการ ในการรุกตลาดเมืองไทยครั้งนี้ ควบคู่กับการขาย ผ่านดีลเลอร์หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ พร้อมแผนขยายเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 10 จังหวัดทั้งในเชียงใหม่ ขอนแก่น สุราษฏร์ธานี เป็นต้น ก่อนจะเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดในปีหน้า"

ด้านนายสมัคร สมัครคามัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมิวสิคพลัสซีนีมา จำกัด (M+C) กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานในการรุกคลาดเครื่องเสียงพรีเมียมในเมืองไทยนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างราคาให้ถูกกว่าดิสทริบิวเตอร์เจ้าเดิมลงมาที่ 20-30% เพื่อรองรับการแข่งขันจากช่องทางการจำหน่ายออนไลน์มากขึ้น พร้อมชูการันตีหลังการซื้อเพิ่มเป็น 5 ปีในกลุ่มสินค้าลำโพงจากเดิมที่มีการการันตีเพียง 1 ปี โดยวางเป้าหมายการเติบโตในปีหน้าไว้ที่ 100%

นอกจากนี้ยังมีจะให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีซูเปอร์ไฮเอนด์ ผ่านรูปแบบสินค้าที่หลากหลายตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค และระดับราคาที่สมเหตุสมผล โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 8,000-3 ล้านบาท ควบคู่กับการเตรียมเปิดตัวแฟล็กชิฟเป็นแห่งแรกในย่านพระราม 3 อาคารโซนิควิชั่น ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ภายใต้งบประมาณ 3 ล้านบาท ทั้งนี้แฟล็กชิพดังกล่าวจะถือเป็นสาขาต้นแบบของแบรนด์เท่านั้น โดยจะหันไปให้ความสำคัญกับการขยายตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายมากกว่า

[caption id="attachment_117726" align="aligncenter" width="314"] ดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น ดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น[/caption]

 "B&O" ชูจุดเด่นดีไซน์หรู ผสานไลฟ์สไตล์รุกตลาด

นางสาวดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น" ผู้บริหารด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เอช ดับเบิลยู เทรดดิ้ง จำกัด เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจว่า" ภายหลังจากที่บริษัทได้รับสิทธิ์ในการเป็นดิสทริบิวเตอร์ให้กับแบรนด์ "แบงค์แอนด์ โอลาฟเซ่น" ในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลา 2 ปี สิ่งที่บริษัทเน้นในการทำตลาดมาตลอดคือการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ผ่านกิจกรรมในรูปแบบไลฟ์สไตล์รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ แฟชั่น ไวน์ โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆร่วมกับลูกค้าเพื่อสร้างการเข้าถึงร่วมกับพาร์ตเนอร์ในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 1 ของปีหน้าบริษัทยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศลาว เบื้องต้นอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการเข้าไปทำตลาด

"เอกลักษณ์เด่นของแบรนด์เราคือการเน้นเรื่องของประสบการณ์ ดีไซน์ และนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียม ผ่านไลฟ์สไตล์รูปแบบต่างๆที่เราจะนำมาจัดกิจกรรมร่วมกับลูกค้าในระดับวีไอพีที่ได้รับเชิญมา โดยปัจจุบันแบรดน์Bang &Olufsenมีระดับราคาตั้งแต่ 8 หมื่น-3 ล้านบาท และแบรนด์Bang &Olufsen Play มีระดับราคาตั้งแต่ 6,000- 1 แสนบาท"

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ยังมีแผนเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ออกมารุกตลาดในชื่อ "Flexible Living" ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ของคนในยุคปัจจุบัน เน้นความอิสระ เรียบง่าย คล่องตัวสูง ผ่านสินค้าคอลเลกชันใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความบันเทิงได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์รุ่นใหม่มีล้อ หมุนได้ ดีไซน์ย้อนยุคแบบเรโทรและลำโพงพกพาตัวเล็กแต่พลังเสียง 360 องศา

นอกเหนือจากนี้ยังเป็นการพลิกโฉมภาพลักษณ์ใหม่ของ Bang &Olufsenที่เป็นมิตรทั้งฟังก์ชันการใช้งานและราคา แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของภาพและเสียงอันโดดเด่นและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งแบรนด์Bang &Olufsenถือเป็นแบรนด์เครื่องเสียงแบรนด์เดียวที่ได้ตั้งโชว์ในพิพิธภัณฑ์ Momaในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตามจากการเข้ามาของผู้เล่นในตลาดเครื่องเสียงไฮเอนด์ปัจจุบันที่มีมากขึ้น มองว่าจากรูปแบบงานดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ บวกกับประวัติอันยาวนาน คุณภาพของแบรนด์ที่มีจะสามารถเข้ากลุ่มเป้าหมายและแข่งขันได้ในตลาด ซึ่งจากการขยายสาขาเพิ่มเติมไปยังศูนย์การค้าคริสตัล วีรันดา และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า 80% ของลูกค้าที่เดินเข้ามาซื้อของภายในร้านไม่รู้จักแบรนด์ แต่เลือกซื้อจากดีไซน์และคุณภาพ นั่นเองทำให้เรามั่นใจในการทำตลาดนับจากนี้

ภาพรวมการเติบโตในสิ้นปีนี้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากอารมณ์การจับจ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวไปในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่เป้าหมายการเติบโตในปีหน้ามองว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่า 10%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,215 วันที่ 4 - 7 ธันวาคม 2559