ฮ่วยชวนมั่นใจปีนี้ 5 หมื่นตัน เน้นขายข้าวพรีเมียมกำไรดี

28 ต.ค. 2559 | 05:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“ฮ่วยชวนค้าข้าว”ยังมั่นใจส่งออกข้าวของบริษัทปีนี้ทะลุเป้า 4.5-5 หมื่นตัน สวนทางตลาดข้าวเงียบ เหตุเน้นส่งออกข้าวพรีเมียม กำไรดี แต่ยังกังวลค่าเงินบาทผันผวน หวั่นคู่ค้าชะลอสั่งซื้อ ด้านสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยยันพร้อมช่วยซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูการผลิตใหม่เพื่อดูดซับจากกตลาดช่วยพยุงราคา 2 แสนตัน เตรียม 60 ล้านช่วยเหลือค่าฝากเก็บและชดเชยดอกเบี้ยสมาชิก

[caption id="attachment_109071" align="aligncenter" width="335"] ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮ่วยชวนค้าข้าว จำกัด ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮ่วยชวนค้าข้าว จำกัด[/caption]

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮ่วยชวนค้าข้าว จำกัด เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ถึงภาพรวมการส่งออกข้าวของบริษัทช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ว่า ส่งออกไปแล้วประมาณ 3 หมื่นตัน หรือทำได้เฉลี่ยเดือนละ 3-4 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ก่อนถือว่าไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการส่งออกแบ่งเป็นข้าวหอมมะลิเกรดพรีเมียม 70% และอีก 30% เป็นข้าวขาว 5% ตลาดที่บริษัทส่งออกไป ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จีน มาเลเซีย และประเทศในยุโรป เป็นต้น อย่างไรก็ดีคำสั่งซื้อจากประเทศเพื่อส่งมอบช่วงปลายปีนี้ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปริมาณไม่มากนักแต่ยังถือว่ามีกำไรอยู่ในระดับที่ดี จากเน้นส่งออกข้าวเกรดพรีเมียม และเน้นการสร้างแบรนด์ เป็นหลัก

“นอกจากบริษัทจะซื้อข้าวในประเทศเพื่อส่งออกแล้ว อีกด้านหนึ่งยังได้เข้าไปซื้อข้าวในประเทศเพื่อนบ้าน เช่นในเวียดนาม และกัมพูชา เพื่อส่งออกไปประเทศที่ 3 เช่น มาเลเซีย โดยส่งออกไปแล้วประมาณ2.5 หมื่นตันซึ่งไม่ได้นำมารวมกับยอดขายที่ส่งออกจากประเทศไทย”

สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกข้าวในเวลานี้คือค่าเงินบาทที่ผันผวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลต่อราคาข้าวที่มีความผันผวนตามไปด้วย และทำให้ลูกค้ามีความกังวลและใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาก่อนสั่งซื้อมากขึ้น ยกตัวอย่างสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าไปอยู่ที่ระดับ35.70-35.80บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แล้วแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลให้ลูกค้าบางรายชะลอการสั่งซื้อเพื่อรอให้ค่าเงินนิ่งมากกว่าที่เป็นอยู่

“การหาตลาดใหม่เวลานี้ทำได้ยากขึ้น อย่างไรก็ดีเป้าส่งออกข้าวทั้งปีนี้ของบริษัทอยู่ที่ 4.5-5 หมื่นตัน คาดน่าจะได้ตามเป้า จากจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาในช่วง2 เดือนสุดท้าย ส่วนกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือมายังสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเพื่อให้สมาชิกรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิเพื่อช่วยดูดซับผลผลิตข้าวที่กำลังจะออกมาในฤดูการผลิตใหม่ช่วงปลายปีนี้ปริมาณ2 แสนตันนั้น บริษัทคงจะเข้าไปรับซื้อแต่จะปริมาณเท่าไหร่ต้องดูในรายละเอียดและเงื่อนไขก่อน”
ขณะที่บริษัทมีแผนหาตลาดใหม่เพื่อเพิ่มการส่งออก โดยจะโฟกัสไปยังตลาดข้าวสีเช่นข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวกล้องมากขึ้น เพื่อสร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและมุ่งหวังจะมาช่วยทดแทนตลาดข้าวขาวที่อาจจะขายได้ยากขึ้น แต่ตลาดข้าวสีคงต้องใช้เวลาเพราะเป็นตลาดที่เพิ่งเกิด

ด้านนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่า จากการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ปี 2559/2560 ทางสมาคมฯยืนยันจะให้การสนับสนุนโดยให้สมาชิกเข้าไปรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากชาวนาในราคาใกล้เคียงตลาดในปริมาณ 2 แสนตันในช่วงที่ผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2559 ถือเป็นมาตรการหนึ่งในการดูดซับข้าวเปลือกหอมมะลิไม่ให้ออกสู่ตลาดพร้อมกันในช่วง 2 เดือนข้างหน้าและทำให้ราคาตก

ทั้งนี้สมาคม จะช่วยเหลือค่าฝากเก็บและชดเชยดอกเบี้ยให้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ ด้วยวงเงินประมาณ 60 ล้านบาทเท่ากับปีที่ผ่านมาโดยเป็นเงินสนับสนุนจากสมาคมเอง โครงการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน -15 ธันวาคม 2559 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก

สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวหอมมะลิทั้งปี 2559 คาดว่าจะมีปริมาณเกิน 2 ล้านตัน สูงกว่าหลายปีที่ผ่านมาที่ส่งออกได้เฉลี่ย 1.7-1.8 ล้านตัน/ปี เนื่องจากข้าวหอมมะลิเพื่อส่งออกในปีนี้มีราคาใกล้เคียงกับคู่แข่ง ทำให้แข่งขันได้ดีขึ้น โดยล่าสุดราคาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ต่ำกว่าปีก่อนที่ราคาเฉลี่ย 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,204 วันที่ 27 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559