พาณิชย์ผลักดันกองทุน FTA ช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยต่อเนื่อง
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
พาณิชย์เผยกองทุน FTA สำเร็จท่วมท้น มีโครงการที่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนนี้แล้วถึง 49 โครงการ เผยปีงบประมาณ 60 มีผู้ยื่นขอรับความช่วยเหลือจากกองทุน FTA แล้ว 27 โครงการ และยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการไทยที่ประสบผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้าสินค้าภายใต้ FTA ต่างๆ ให้สามารถปรับตัว ยืนหยัด และแข่งขันได้อย่างเข้มแข็ง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา(ปี พ.ศ. 2550 – 2559) โครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า หรือ กองทุน FTA ได้เติบโตและประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีโครงการที่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนนี้ ไปแล้วจำนวน 49 โครงการ จำแนกเป็นให้ความช่วยเหลือที่ให้แก่ภาคเกษตรกรรม 27 โครงการ ภาคอุตสาหกรรม 15 โครงการ และภาคบริการอีก 7 โครงการ โดยตัวอย่างความสำเร็จของโครงการที่ได้รับความช่วยเหลือของกองทุน FTA ได้แก่ (1) โครงการโคเนื้อของกลุ่มเกษตรกรโพนยางคำ ปัจจุบันมียอดขายกว่า 100 ล้านบาท (2) โครงการส้มปลอดสารพิษ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกส้มคุณภาพแม่อาย ซึ่งขณะนี้สามารถเข้าไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า Modern Trade แล้ว (3) โครงการปลาป่น ของกลุ่มโรงงานปลาป่น 40 แห่ง ซึ่งปัจจุบันได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และ HACCP จากกรมปศุสัตว์ จนสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนั้น ผลงานที่กระทรวงพาณิชย์ภาคภูมิใจในการมีส่วนช่วยสนับสนุนผลผลิตการเกษตรให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจนสามารถขยายตลาดทั้งและต่างประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ได้แก่ โครงการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง หอมหัวใหญ่ และกระเทียม จนสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้เอง มีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น และใช้นวัตกรรมแปรรูปเป็นหอมผง กระเทียมดำ และโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกไม้ตัดดอกในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน และพิจิตร จนสามารถพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์ คือ พันธุ์สตาร์เลท (ลูกผสมปทุมมาสกุลขมิ้น) พันธุ์ พิงค์ เมโลดี้ (ลูกผสมกระเจียว สกุลขมิ้น) และลานนาแองเจิล (ลูกผสมกล้วยไม้ สกุลฮาเบนาเรีย) ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรจากการส่งออกหัวพันธุ์ไปขายในประเทศญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ในปี 2558 กว่า 200 ล้านบาท
นางอภิรดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 2559 กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความช่วยเหลือเพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันหัตถกรรมสิ่งทอภาคเหนือตอนบน ของสมาคมวัฒนหัตถศิลป์ล้านนา (2) โครงการศึกษาตลาด ออกแบบพัฒนา และปรับปรุงมาตรฐานสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้านสำหรับกลุ่มประเทศ CLMV ของสมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคมไทย และ (3) โครงการยกมาตรฐานอุตสาหกรรมผลิตยาแผนโบราณให้ได้ตามหลักเกณฑ์ GMP PIC/S เพื่อรองรับผลกระทบจากข้อตกลงของอาเซียน ของกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร
สำหรับในปีงบประมาณ 2560 ล่าสุดมีผู้สนใจยื่นขอรับความช่วยเหลือจากกองทุน FTAแล้ว 27 โครงการ ครอบคลุมทั้งภาคเกษตรกรรม (อาทิ ดาวเรือง มันเส้น และเมล่อน) ภาคอุตสาหกรรม (เครื่องสำอางสมุนไพร และเครื่องสูบน้ำ) และภาคบริการ (กลุ่มวิศวกรไทย กลุ่มท่องเที่ยววิถีเกษตร และกลุ่มบริการด้านขนส่ง) ทั้งนี้ นางอภิรดี มั่นใจว่า กองทุน FTA เป็นเครื่องมือสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ที่จะขับเคลื่อนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและ กลุ่มเกษตรกรภายใต้บริบทการค้าโลกปัจจุบันได้อย่างแน่นอน