บล.KTBST ประเมินความกังวลจากเรื่อง Deutsche Bank ส่งผลกระทบในช่วงสั้น
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
บล.KTBST ประเมินความกังวลจากเรื่อง Deutsche Bank ส่งผลกระทบในช่วงสั้น จับตาการประชุมผู้ผลิตน้ำมันวันที่ 28 ก.ย. คาดผลประชุมจะ “คงกำลังการผลิต” ส่งผลราคาน้ำมันทรงตัวต่อ ขณะที่ประเมิน GDP ศก.ไทยปีนี้เติบโตที่ 3.2 - 3.5% หลัง ADB คาดโตที่ 3.2%”
นายชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลกที่มีการปรับตัวลดลง จากความกังวลของ Deutsche Bank ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐสั่งปรับกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ กรณีที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 ซึ่งผลในระยะสั้นทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล แต่ในระยะยาวแล้วน่าจะไกล่เลี่ยกันได้ในเรื่องนี้ เพราะเนื่องจาก Deutsche Bank เป็นธนาคารใหญ่สุดของเยอรมัน ซึ่งหากต้องจ่ายเงินค่าปรับจำนวนดังกล่าวจริงจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ Deutsche Bank และส่งผลต่อเนื่องไปถึง เศรษฐกิจของยูโรโซนมากขึ้นไปอีก ซึ่ง ณ ปัจจุบันเศรษฐกิจยูโรโซนยังไม่ฟื้นตัวมาก
ขณะที่ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจ (IFO) ของประเทศเยอรมัน ในเดือน ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 109.5 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 106.4 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 2 ปี แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเยอรมันมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนราคาน้ำมันยังเกิดความผันผวนค่อนข้างมากจากการประชุม OPEC ที่ประเทศแอลจีเรีย โดยผู้ผลิตน้ำมันหลายรายต้องการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันเอาไว้แต่ก็ยังมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันระหว่างผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ระหว่าง ซาอุดิอาระเบีย และ อิหร่าน ซึ่งการประชุมในวันที่ 28 ก.ย.นี้ บล.KTBST คาดว่ามีแนวโน้มที่ผลการประชุมจะคงกำลังการผลิตเอาไว้ ซึ่งหากผลการประชุมออกมาตามนี้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับทรงตัวต่อไปหากหาข้อสรุปไม่ได้ราคาน้ำมันอาจปรับตัวลง
ด้าน ADB หรือธนาคารพัฒนาเอเชียปรับประมาณการ GDP ของไทยปีนี้ จาก 3.0 เป็น 3.2% ส่วนปี 2560 คงคาดการณ์เดิมที่ 3.5% จากอานิสงส์ของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และแนวโน้มการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ครึ่งปีแรก GDP ของไทยขยายตัว 3.4% จากฐานของ GDP ที่ต่ำในปีก่อน เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงมาก และปีนี้ มีการประตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐ บล.KTBST ประเมินได้ว่า GDP ปี 2559 น่าจะตกอยู่ในกรอบ 3.2 - 3.5%
"การลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้ บล.KTBST แนะนำ ซื้อสะสมตลาดหุ้นจีนที่ได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินทุนเคลื่อนย้าย และให้ทยอยขายทำกำไรตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและตลาดหุ้นยุโรปจากทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ KTBST ยังคงแนะนำให้สะสมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน และหุ้นกู้เอกชนไทย"