รัฐฉานตอนล่าง

23 ต.ค. 2565 | 21:30 น.

คอลัมน์เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ก่อนอื่นต้องเรียนให้แฟนคลับทราบว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ภายในประเทศเมียนมายังไม่ได้สงบเรียบร้อย ดังนั้นหลายท่านที่ถามเข้ามา ว่าอยากจะเข้าไปเที่ยวที่ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แถบหัวเมืองต่างๆ ของประเทศ ผมก็ขออนุญาตเรียนว่า อดใจไว้ก่อนสักนิดนะครับ รอให้ทุกอย่างสงบลงก่อน แล้วค่อยคิดอ่านเข้าไปกัน ในส่วนของท่านที่มีกิจการอยู่ภายในประเทศเมียนมา ก็ขอให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ให้ได้ ด้วยการทำตนให้เป็นเต่าจำศีลไปสักพักก่อนนะครับ อย่าได้วู่วามโดยเด็ดขาด เพราะทั้งเศรษฐกิจและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศเมียนมายังไม่ดีพอครับ

 

พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็ค่อนข้างจะวุ่นวายกับค่าเงินจ๊าดในประเทศเมียนมาอีกรอบ หลังจากที่เคยวูบวาบกันในวันที่ 30 สิงหาคม ที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราหล่นลงอย่างน่าใจหาย ทำให้ภาคธุรกิจกระเทือนอย่างหนัก เมื่อวานนี้ก็เกิดการกระเพื่อมอย่างรุนแรงเป็นอาฟเตอร์ช๊อคอีกรอบ
 

ในช่วงเช้าตรู่ของวันเสาร์ผมก็ได้รับรายงานมาว่า อัตราแลกเปลี่ยนวันนี้ (วันเสาร์) จะไม่มีการเปิดราคาซื้อ-ขายกัน เพราะทุกค่าย(โพ้ยก๊วน) ต่างก็เก็งกันว่า จะมีการสะเทือนหนักอย่างแน่นอน และแล้วช่วงสายๆ อัตราแลกเปลี่ยนเงินจ๊าด ก็เริ่มหล่นลงอย่างรุนแรง จนทำการเสนอซื้อเงินตราต่างประเทศ ชนิดที่ไม่จำกัดราคากันเลยครับ พอบ่ายแก่ๆ ข่าวลือก็สะพัดเลยครับ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ต้องรอดูเช้าวันจันทร์อีกรอบแล้วละครับ

 

เรามาคุยเรื่องที่ไม่เครียดดีกว่านะครับ มีท่านผู้อ่านส่งข้อความมาถามว่า ที่เมืองตองจี รัฐฉานเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมาก เขาอยากจะไปซ้ำอีกรอบ หลังจากที่เคยไปเที่ยวงานโคมลอย ในวันเพ็ญเดือนสิบสองเมื่อหลายปีก่อนมาแล้วหนึ่งครั้ง จึงอยากจะไปเที่ยวงานดังกล่าวอีกสักครั้ง ผมจึงบอกไปว่า ตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดเป็นต้นมา ก็หยุดการจัดงานเฉลิมฉลองไปสองปี จนกระทั่งได้ข่าวว่าเมื่อปีที่ผ่านมา ได้เริ่มต้นจัดงานกันใหม่อีกครั้งแล้ว แต่ช่วงนี้ผมก็ยังไม่แนะนำให้ไปเที่ยวงานนั้นนะครับ ต้องรออีกสักนิด น่าจะปลอดภัยกว่า 
 

ทุกปีช่วงวันเพ็ญเดือนสิบสองจะเป็นวันงานโคมลอยขึ้นที่เมืองตองจี ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับประเทศของเมียนมา เมืองตองจีซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเมืองหลวง(เมืองเอก)ของทางรัฐฉานตอนล่าง (Lower Shan state) เพราะรัฐฉานเป็นรัฐที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 14 รัฐของเมียนมา จึงต้องมีเมืองในระดับเมืองเอกของรัฐ ทั้งรัฐฉานตอนเหนือและฉานตอนใต้
 

ฉานตอนเหนือเมืองหลวงหรือเมืองเอกคือเมืองลาซิล ส่วนฉานตอนใต้คือเมืองตองจี ในขณะที่ฉานตอนใต้ด้านตะวันออกเฉียงใต้ เมืองที่เป็นกึ่งๆ เมืองเอกอีกหนึ่งเมือง คือเมืองเชียงตุง ซึ่งทั้งสามเมืองเอกนี้ จะมีเมืองที่เป็นตลาดใหญ่เอาการอยู่อีกหลายเมือง ซึ่งบริษัทของผมก็มีลูกค้าอยู่ที่นั่นทุกเมือง เพราะช่วงแรกๆ ที่ผมเปิดตลาดเมียนมา ผมจะบุกที่ตลาดรัฐฉานก่อน เหตุผลไม่มีอะไรมาก เพราะผมมีเพื่อนนักเรียนมัธยม ที่เขามาจากรัฐฉาน มาเรียนอยู่ด้วยกันกับผมที่บนดอยแม่สะลอง จึงทำให้ง่ายต่อการอาศัยสายสัมพันธ์ของเพื่อนๆ มาช่วยกันทำการตลาดนั่นเองครับ ผมจึงพูดได้เต็มปากเลยว่า “เครื่องดื่มกระทิงแดง” แจ้งเกิดในตลาดอินโดจีนครั้งแรก ก็ที่รัฐฉานตอนล่างนี่แหละครับ

 

ส่วนที่รัฐฉานตอนล่างด้านฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ที่เมืองเชียงตุง ผมเชื่อว่าแฟนคลับหลายท่านคงเคยได้ไปท่องเที่ยวมาบ้างแล้ว ก็ขอเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนนิดหน่อยนะครับ ที่เมืองเชียงตุงเป็นศูนย์กลางทางการค้าของรัฐฉานตอนล่างเมืองหนึ่ง เพราะเมืองนี้เป็นเมืองหน้าด่านของการค้าระหว่างไทย-เมียนมาเมืองหนึ่งนั่นเอง
 

สินค้าที่ออกไปทางด่านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ก็จะเข้าสู่เมืองท่าขี้เหล็ก จากนั้นก็จะลำเลียงต่อไปที่เมืองเชียงตุง แล้วจึงกระจายต่อไปอีกสามทิศทาง ได้แก่ทางทิศตะวันออก ได้ออกไปที่เส้นทางใต้ จากนั้นก็จะเข้าเมืองยาง ต่อไปยังด่านชายแดนจีน ทางช่องทางภูเขาที่หลักเขตแดนของจีน พอลงจากเขาก็จะเข้าสู่เมืองต้าหม่งหลง ต่อไปยังเมืองก่าซ่า เข้าสู่เมืองจิ่งหงหรือเชียงรุ้ง เขตสิบสองปันนา มนฑลยูนนาน
 

ในขณะที่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเชียงตุง ก็จะเข้าสู่เมืองลา ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนจีนที่ด่านเมืองต่าหล่อ แล้วจึงต่อมายังเมืองไฮ ตรงมายังเมืองจิ่งหงหรือเมืองเชียงรุ้ง เขตสิบสองปันนานั่นเองครับ จะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจของเขตนี้ ค่อนข้างจะสำคัญต่อประเทศเมียนมาอย่างมีนัยยะเลยนะครับ 
 

ในส่วนของเส้นทางการค้าภายในประเทศเมียนมา ถ้ามาทางทิศตะวันตกของเมืองเชียงตุง ก็จะผ่านมาทางเมืองสาท เมืองสู้ เข้าสู่เมืองตองจีครับ เส้นนี้จะนิยมใช้กันมาก เพราะสินค้าสามารถไหลต่อไปยังเมืองมัณฑะเลย์และกรุงย่างกุ้งต่อไปครับ สินค้าขาออกมายังไทยและจีน เช่นอัญมณีหลากหลายชนิด และหยก ก็จะไหลกลับมาทางเส้นทางนี้เช่นกันครับ หรือถ้าจะไปทางทิศเหนือ ก็สามารถใช้เดินทางไปสู่ประตูออกนอกประเทศ ที่ฝั่งของเมืองลาซิลได้เช่นกัน
 

โดยเดินทางไปทางทิศตะวันตกสักช่วงหนึ่ง พอไปเลยเมืองสู้สักนิด ก็เบนเข็มทิศการเดินทางไปทางทิศเหนือ วิ่งตรงไปออกได้สองทาง คือช่วงหนึ่งจะไปจรดถนนใหญ่ที่เป็นเส้นทางมัณฑะเลย์-ลาซิล ใกล้ๆกับเมืองสีป้อ แล้วอีกเส้นหนึ่งถ้าผมจำไม่ผิด จะไปออกถนนใหญ่ที่ห่างจากเมืองลาซิลประมาณ 50-60 ไมล์ ก่อนเข้าเมืองลาซิลครับ จากนั้นก็จะตรงไปยังชายแดนเมียนมา-จีน ที่เมืองมู่เจ-หยุ้ยหลี่เลยครับ แต่ว่าในห้วงระยะเวลานี้ ยังไม่สมควรเดินทางนะครับ