โหมโรงซักฟอก แก้โควิดล้มเหลว ศึกหนัก“บิ๊กตู่”

14 ก.ค. 2564 | 01:00 น.

โหมโรงซักฟอก แก้โควิดล้มเหลว ศึกหนัก“บิ๊กตู่” : รายงาน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,696 หน้า 12 วันที่ 15 - 17 กรกฎาคม 2564

สถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ของประเทศ ไทย ยังน่าห่วง เพราะยอดผู้ติดเชื้อใหม่ และผู้เสียชีวิต ยังพุ่งสูงอยู่

ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ณ วันที่ 13 ก.ค. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 8,685 ราย ผู้ป่วยสะสม 353,712 ราย ผู้เสียชีวิต 56 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 2,847 ราย

 

ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดระลอก 3 ที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นอกจากจะเจอศึกหนัก ในการแก้ไขปัญหาอยู่ในขณะนี้แล้วความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา ก็ถูก “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ขึงพืดเตรียมนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ(ซักฟอก) แบบลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ ม.151 ที่จะยื่นญัตติในเดือนส.ค.นี้ และจะสามารถอภิปรายได้ก่อนปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 18 ก.ย. 2564 นี้  

 

โดย “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” มีมติร่วมกันเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา คือ

 

1. ที่ประชุมมีมติเห็นว่า สถาน การณ์ประเทศในปัจจุบันอยู่ในภาวะวิกฤติขั้นสูงสุด ประชาชนกำลังล้มตายประเทศกำลังเสียหายยับเยิน จากการระบาดของโควิด-19 โดยทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและล้มเหลวของรัฐบาล จนไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์ยํ่าแย่มากไปกว่านี้ได้

 

2. พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นร่วมกันว่า มีความจำเป็นต้องดำเนินการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตาม ม.151 ในช่วงเวลาที่เหมาะสม 

 

ทั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าเพื่อความรอบคอบและความครบถ้วนของประเด็นการอภิปราย รวมถึงการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน จึงเห็นสมควรเชิญพี่น้องประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ในการร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 

 

โดยเสนอให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมโดย ส่งข้อมูลความผิดพลาด ล้มเหลว รวมถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นมายังพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจร่วมกันระหว่างพี่น้องประชาชน ข้าราชการ และพรรคร่วมฝ่ายค้านในการหยุดยั้งรัฐบาลที่ล้มเหลว

 

3. ในระหว่างที่ไม่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน โดยจะนำเสนอท่าทีและความเห็นต่อสถานการณ์ประเทศต่อไป โดยจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 19 ก.ค. 2564 

 

โหมโรงซักฟอก  แก้โควิดล้มเหลว ศึกหนัก“บิ๊กตู่”

 

มุ่งเป้าแก้โควิด-ศก.เหลว

 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุว่า เบื้องต้นมีประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในกรอบ กว้างๆ 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มการแก้ไขสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 2. กลุ่มผลกระทบทางการเศรษฐกิจ และ 3.กลุ่มเรื่องอื่นๆ 

 

หลังจากนี้จะมีการหารือเพื่อรวมรวบประเด็นที่สอดคล้องกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก่อนที่จะกำหนดตัวรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย และกำหนดตัว ส.ส.ที่จะเป็นผู้อภิปราย

 

“รายละเอียดทั้งหมดจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ เพื่อกำหนดไทม์ไลน์ให้เกิดความชัดเจน แม้จะปิดสภาฯ 2 สัปดาห์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่” นพ.ชลน่าน ระบุ

 

ล็อกถล่ม“บิ๊กตู่”คนเดียว

 

นพ.ชลน่าน ระบุด้วยว่า สถาน การณ์การระบาดของไวรัสโควิด รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไร้ความ สามารถทอดทิ้งให้ประชาชนต้องเผชิญกับการระบาดของไวรัสร้าย รัฐบาลไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วย ภาพของประชาชนจำนวนมาก ต้องนอนรอที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน นาน 2 วัน เพื่อรอโอกาสในการตรวจหาเชื้อ 

 

อีกส่วนที่ป่วย ก็นอนรอความตายอยู่ที่บ้าน โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แม้แต่จะเหลียวมามอง การกระทำคือการทอดทิ้งประชาชน ที่เห็นคนตายทุกวันโดยไร้ความรู้สึกรับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย ประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าระบบสาธารณสุขดีเป็นอันดับ 6 ของโลก แต่วันนี้ถูก พล.อ.ประยุทธ์ ทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่รวบอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ มีเครื่องมือมากมาย แต่คิดไม่เป็น แก้ปัญหาไม่ได้ ส่งผลให้ประชาชนต้องทนทุกข์

 

“ถึงเวลานี้หากพรรคร่วมรัฐบาลยังคงร่วมพายเรือที่ใกล้อัปปางลำนี้ต่อไป ไม่รับรู้และไม่รู้สึกถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศ จะยังคงนั่งในเรือนี้ต่อไป ขอให้พี่น้องประชาชนจงจำไว้ว่า ใครบ้างที่ร่วมกันทำร้ายท่านแต่หากอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และมีโอกาสที่ประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าถึงการรักษาที่ดีขึ้น หาก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เพียง 30 เสียง ประกาศเป็นสัญญากับประชาชนว่า จะไม่สนับสนุน ไม่ลงมติในสภาให้กับรัฐบาลชุดนี้ทุกกรณี แค่นี้ก็ช่วยชาติได้ และเป็นโอกาสที่จะนำพาประชาชนฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน” นพ. ชลน่าน ระบุ 

 

มีรายงานจากฝ่ายค้านว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐาน หรือ พยานเพิ่มเติมที่ส่อทุจริตประพฤติมิชอบ เพราะพฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สร้างความเสียหายแก่ประชาชน เช่นการเสียชีวิตของประชาชน การบริหารจัดหาวัคซีน และการบริหารจัดการเตียง เป็นต้น

 

ภท.ไม่ถอนตัวร่วมรัฐบาล 

 

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส. สงขลา รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้นพรรคจะอภิปรายปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา สิ่งที่เราต้องตระหนักมากที่สุดตอนนี้คือปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ พยายามแก้ไขปัญหา

 

“เราอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายคนถามว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยไม่ถอนตัวและทำไมไม่ลาออก หากวันนี้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลก็จะทำให้รัฐบาลยุติการบริหารงาน แต่วันนี้มีสถานการณ์โควิด หากพรรคภูมิใจไทยถอนตัว แล้วรอบหน้าประชาชนคงไม่ให้โอกาสกลับมา เพราะเวลาที่มีปัญหากลับหนีปัญหา หรือ ตัดช่องน้อยแต่พอตัว 

 

ผมคิดว่านายกฯ ก็เช่นกัน ท่านก็คงอึดอัดใจ คิดจะตัดสินใจหลายอย่าง แต่หากกลับมารอบหน้าจะยากมาก และแทบไม่มีโอกาสได้กลับมา แต่ถ้านายกฯ แก้ปัญหาให้หมดโควิด ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ผมคิดว่าประชาชนจะตัดสินใจอีกรอบหนึ่ง” รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ระบุ

 

ปชป.ไม่ห่วงศึกซักฟอก 

 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเช่นกันว่า หลักการในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญในการตรวจสอบรัฐบาล เป็นหน้าที่ที่สำคัญของฝ่ายค้าน ตามระบอบประชาธิปไตยและเชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลพร้อมชี้แจง และรัฐมนตรีคนใดที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีหน้าที่ต้องชี้แจง 

 

ส่วนรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความกังวล เพราะยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และยิ่งสถาน การณ์ขณะนี้ต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ให้สุดความสามารถ มุ่งประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางจะมีรัฐมนตรีคนใดบ้าง และยื่นช่วงเวลาใดก็เป็นดุลพินิจของฝ่ายค้าน ไม่สามารถไปก้าวล่วงได้