ผ่าดวงชะตา 'แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี' คนที่ 33 

 

“ปีม้าศึก ตลุยสิบทิศ” ผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยได้ ดวงชะตาต้องแกร่งได้ทั้งบู๊และบุ๋น จะนักวิชาการจ๋าก็ไม่ได้ จะนักการทูตเลิศอย่างเดียวก็ไม่ได้ จะแนวคิดทันสมัยจนลืมรากอันดีงามก็ไม่ผ่าน แม้แต่จะห้าวหาญในมุมการรบอย่างเดียวก็ลำบาก พูดง่ายๆ ว่าปีม้าศึกต้องมีครบสุดโต่งอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทีเดียว

แม้ว่าแต่ละท่านไม่ทราบเวลาเกิด แต่หลักโหรมีวิธีร่ายเรียงลัคนาได้ ความใกล้เคียงจึงมีมากถึง 80%ในการพยากรณ์ แต่บางท่านมีเวลาเกิดก็สามารถพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำขึ้น เนื่องจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีหลายท่าน ขอคัดเฉพาะบุคคลที่อยู่ในสมการพรรคใหญ่ และมีความน่าจะอยู่ในเกณฑ์ชิงความเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลซึ่งปรากฏ 3 พรรคการเมือง คือ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และหนึ่งพรรคที่มาใหม่แต่ทว่าดูเหมือนไฟแรง คือ พรรคกล้าธรรม 

ดวงชะตาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

ดวงชะตา ศ.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ.2522 เมื่อวางดวงชะตาแล้วให้ลัคนาอยู่ราศีตุลย์ด้วยหลักร่ายเรียงลัคนา ตัวจริงจากดวงชะตานั้นเป็นคนเก่งในเรื่องยากๆ เวลาทำอะไรก็ตามทำอย่างทุ่มเท จิตใจเด็ดเดี่ยวอย่างมาก ยอมหักไม่ยอมงอ เวลาคิดอะไรคิดเป็นระบบเมื่อคิดแล้วก็หวังใจให้ผู้อื่นคิดตามหลักการที่คิดนั้น จะไม่ยอมรับการคิดคัดค้านแบบใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล ลึกๆ เป็นคนที่สื่อสารอะไรตรงๆ ชัดเจนและแรงแอบแฝงด้วยความแรงนิดๆ ใช่คือใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ยึดมั่นในแนวคิดตนเป็นใหญ่

ดวงชะตาในวันเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 ดาวเกตุ๙ บุญเก่าจรภพมรณะ ดาวเสาร์๗ ทางการเมืองอยู่ภพปุตตะ ดาวพฤหัส๕ จรภพศุภะ ดาวจันทร์จรทับลัคนา แม้ดาวจันทร์๒ ดาวพฤหัส๕ และดาวเสาร์๗ กระตุ้นในมุมดีก็ตามแต่ทว่าบุญเก่าดาวเกตุ๙ ส่งมาไม่ถึง โบราณจึงสอนว่า เก่งแพ้เฮง จะกี่พันปีคำนี้ก็ใช้ได้เสมอ 

ดวงชะตาพรรคเพื่อไทย

วันที่ 20 กันยายน 2550 ก็วางลัคนาไว้ที่กันย์แล้วเบียนกับราศีตุลย์ลัคนาดวงของแคนดิเดตของพรรค แม้ดาวอาทิตย์จะกุมลัคนามีดาวเกตุเล็งลัคนาดูเหมือนจะดี แต่ถ้าว่า ดาวมฤตยูโยกใส่ที่ดาวเกตุทำให้เกิดภาวะเสียงดีแต่มีคะแนนน้อยกว่าที่คาดหวังดาวพฤหัสอยู่ในภพกัมมะเร่งให้ทำการงานต่างๆ แต่ความสำเร็จที่จะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในครั้งนี้ต้องเหนื่อยสาหัสแบบ 360 องศาเท่านั้นจึงจะพลิกชะตาได้ ลิขิตฟ้าชะตาดิน กำหนดเอาไว้แล้วอย่าฝืนเลย

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาชน

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (เท้ง) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาชนลำดับที่  1 เกิดวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2530 เมื่อดูดวงชะตาแล้วร่ายเรียงลัคนาตามหลักโหรอยู่ในราศีพฤษภ ความเป็นตัวจริงของเจ้าชะตานั้น มีดาวอาทิตย์โดดเด่น ร่วมดาวพุธและดาวมฤตูกับดาวเสาร์ เรียกได้ว่า งานการเมืองโดดเด่นแข็งแรงกล้าคิดกล้าพูดแรงและกล้าสวนกลับทุกวาทกรรม

การดำรงอยู่ทางการเมืองเหมือนเสือติดปีก ภายนอกนอกดูอ่อนแอแต่ตัวจริงคือแกร่งเกินกว่าที่คิด มีแนวคิดเป็นระบบและยึดมั่นมากกว่ารู้จักยืดหยุ่น ในวันที่เลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 ในภพกัมมะดาวดีเรียงกันหลายดวงแต่ทว่ามีดาวศุกร์เข้ามาร่วมด้วยเมื่อปะทะกับดาวเสาร์เหล่าโหรทั้งหลายย่อมทราบว่าหมายถึงความโศกเศร้า เสียใจ ไม่สมปรารถนา แม้ดาวเกตุบุญเก่าอยู่ภพลาภะก็ตามแต่ทว่าดาวจันทร์ที่กระตุ้นนั้นอยู่ภพอริ สองจุดหลัก คือ ภพกัมมะและ ภพอริ ทำให้พรรคประชาชนที่คาดหวังจะโกยคะแนนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวนั้น จะต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถอย่างหนักจึงพอมีโอกาสสำเร็จอยู่บ้าง แม้ว่าจะเหมือนความฝันท่ามกลางสายหมอกในยามราตรีแต่นับว่ายังมีความพยายามสูง ในโลกแห่งความเป็นจริงแค่ความคิด ความตั้งใจทุ่มเทอย่างเดียวถ้าดวงไม่ส่งฝืนแล้วอาจจะเหนื่อยเปล่า 

ดวงชะตาพรรคประชาชน 

วันที่ 9 สิงหาคม 2567 แม้จะเปลี่ยนชื่อพรรคเพื่อมาใช้เป็นพรรคประชาชน เราก็จะใช้เกณฑ์วันที่เปลี่ยนชื่อเป็นหลักวางแล้วได้ลัคนาราศีสิงห์มีดาวศุกร์ร่วมดาวเสาร์เป็นดาวประจำตัวโดยดาวเสาร์นั้นอยู่ที่ราศีกุมภ์เล็งลัคนาแม้ดาวพฤหัสบดีส่งผลให้ในเรื่องลาภผลต่างๆ  แต่ดาวเสาร์ที่จรเล็งลัคนาร่วมกับดาวศุกร์จะทำให้ เกิดผลลัพธ์ที่ลบมากกว่าบวก ทุกอย่างที่กล่าวมาว่าตามหลักโหรดวงดาว ฟังหูไว้หูจะเจอความจริงที่เป็นความจริง เพราะบนโลกนี้ ความจริงของเรา ความจริงของเขา และความจริงที่เป็นจริง เราจะเลือกเชื่อความจริงแบบไหน ไปพิจารณากันเอง

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เกิดวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2509 เมื่อวางลัคนาตามเวลาเกิดแล้วได้ราศีเมษ มีดาวราหูเป็นดาวประจำตัว ส่วนตัวเป็นคนประนีประนอม แต่อยู่ภายใต้กรอบเหตุผลมีความเมตตาสูง มีความสามารถในการบริหารความขัดแย้งได้สูง แต่บทเวลาไม่ยอมนี่ไม่สนใจใครเหมือนกัน โกรธง่ายหายเร็ว เป็นคนมากความสามารถในทางคดีโลกและคดีธรรม เป็นที่รักของเทพเทวดาทั้งปวงเวลามูเตลูอะไรเทพเทวดาจะบันดาลให้สำเร็จเสมอ

ดวงชะตาในวันเลือกตั้งดาวเกตุอยู่ภพวินาศ ดาวพฤหัสโยคถึงลัคนาเป็นการบ่งบอกตามดวงชะตาว่า “ไม่สำเร็จแบบที่สุด ก็เสียหายที่สุด”  คือ ร้อยกับศูนย์ไม่มีตรงกลาง แม้ดาวเสาร์ดาวราหู จะโยคใส่ดวงชะตาดีในด้านการเมืองแต่ทว่ามีดาวศุกร์ร่วมด้วย ตลอดทั้งที่ภพกัมมะมีดาวอาทิตย์ร่วมกับดาวอังคาร การเลือกตั้งจะเกิดปัญหาบ้าง ถ้าไม่สำเร็จแบบที่สุด โอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีค่อนข้างน้อย เผลอๆ ถ้าคะแนนไปเท่ากับพรรคประชาชนหรือเพื่อไทย ใครจะได้จัดตั้งรัฐบาลก็ยังไม่รู้แน่ ดีไม่ดีรักษาการยาวไปด้วยซ้ำ 

ดวงชะตาพรรคภูมิใจไทย

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2551 วางลัคนาไว้ที่ราศีพิจิกมีดาวศุกร์กุมลัคนาเป็นพรรคการเมืองที่วางแผนค่อนข้างรอบคอบแม้ดาวเสาร์เป็นดาวการเมืองจะส่งผลดีให้กับดวงชะตาพรรค แต่ดาวพฤหัสกลับตกมรณะก็ทำให้เหนื่อยมากพอควรและต้องใช้เทคนิคค่อนข้างมาก ยังดีที่ดาวเกตุอยู่ในภพปุตตะ เข้ามาช่วยเหลือบริวารให้ประสบความสำเร็จได้แม้ว่าจะไม่มากเท่าที่ควร ได้จำนวนสส. มาระดับหลักร้อยได้ถือว่าเฮงเป็นที่สุดแล้วสำหรับพรรคภูมิใจไทย 

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคกล้าธรรม

นายธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เกิดวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2508 ในยามวิกาล ตั้งลัคนาแล้วเป็นคนราศีมีน มีดาวเกตุบุญเก่าเกื้อหนุนดวงชะตาร่วมกับดาวราหู ภาพรูปดวงเป็นเสี้ยวจันทร์ เวลาตกก็ตกไม่สุด มีคนมากบารมีมาโอบอุ้มเสมอ ดวงชะตานี้เรียกว่า ต้นร้ายปลายดี ดาวเกตุจรในวันเลือกตั้งกุมดวงชะตาดาวพฤหัสส่งผลดีเลิศ แต่ทว่าดาวการเมืองอยู่ภพอริ ที่ภพลาภะดาวอาทิตย์ร่วมดาวอังคาร ดูเหมือนไม่ดีแต่โยคใส่ลัคนากลับดี ใครจะเชื่อไม่แน่พรรคกล้าธรรมกับพรรคการเมืองหัวก้าวหน้าอาจมีคะแนนมาพอๆ กัน ด้วยบุคคลิกของนายธรรมนัส เสียงดังตังค์ถึง คำไหนคำนั้น รักพวกพ้องน้องพี่ เวลาทำงานลุยบู๊ สั่งแล้วต้องทำห้ามหือ ห้ามลา ห้ามขาด นับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ดวงชะตาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอควร

ดวงชะตาพรรคกล้าธรรม

วันที่ 25 เมษายน 2566 พรรคกล้าธรรมอยู่ในลัคนาราศีพฤษภมีดาวศุกร์ร่วมมฤตยูในช่วงเลือกตั้งดาวพฤหัสจรในภพการเงินนับได้ว่ามีความเฟื่องฟูเป็นอย่างยิ่ง ตลอดทั้งดาวเสาร์ร่วมดาวราหูในภพกัมมะ และมีดาวศุกร์ร่วมด้วย เป็นความท้าทายยิ่งของพรรคกล้าธรรม แต่ถึงอย่างไรพรรคกล้าธรรมและพรรคการเมืองที่มีแนวคิดหัวก้าวหน้าดวงชะตาคล้ายกัน มีความเป็นไปได้สูงสำหรับโอกาสที่จะเท่าๆ กันหรือใกล้เคียงกันในจำนวน สส. ที่ได้รับการเลือกครั้งนี้ ทุกอย่างฟังหูไว้หู แล้วจะเห็นตามความเป็นจริงเอง