KEY
POINTS
ถ้าผมจะบอกว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่พ้นสมัย คือความร่วมสมัยอยู่เสมอคงเป็นคำกล่าวที่ไม่ผิดนัก บางคนก็พยายามโน้มน้าวว่าร่วมรอยเดียวกับวิทยาศาสตร์ ในมุมของผมนั้นกลับมองว่า หลายสิ่งอย่างที่พระองค์ตรัสรู้นั้นล้ำกว่าวิทยาศาสตร์มากมายค้นพบก่อนวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นก่อนเสียด้วยซ้ำ
โลกแบน ความเชื่อที่มายาวนาน แค่พระพุทธทรงตรัสชัดว่า โลกคล้ายผลมะขามป้อม คือ กลมคล้ายวงรี มิใช่แบน วิทยาศาสตร์มาค้นพบหลังพระพุทธเจ้า การกำเนิดในครรภ์มนุษย์มีวิธีละเอียดที่พระพุทธเจ้ายกตัวอย่างไว้ชัดเจนแต่มนุษย์ในสายวิทยาศาสตร์ มาพบในยุคหลังพระพุทธเจ้า แม้แต่ปรมาณู ความละเอียดที่เล็กยิ่งกว่าโมเลกุล พระพุทธเจ้าก็ค้นพบก่อนวิทยาศาสตร์ ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจึงกล่าวเป็นนัยยะที่ว่า
"พระพุทธศาสนาไม่ใช่แค่ศาสนาแต่เป็นศาสนาแห่งจักรวาล"
ดังนั้นถ้าเราศึกษาธรรมะได้อย่างถูกต้องถูกร่องล้อธรรมจักรเราจะไม่หลงยึดติดบุคคลผู้สอน ไม่หลงยึดติดในสำนักวัดวาอาราม ไม่ยึดติดความเหนือธรรมชาติที่แท้จริงอยู่ร่วมกับธรรมชาติอยู่มาแต่เดิมแล้ว
แม้แต่เรื่องละเอียดแห่งกรรม พระองค์สอนชี้ชัดให้เห็นถึงที่มาแห่งกรรมในปัจจุบันมากมาย แต่หลายคนก็ยังไปมีความคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามักจะมาจากกรรมเก่าในอดีตชาติ ถ้าได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง กรรมเก่าจากอดีตชาติพระพุทธองค์จะพยากรณ์ต่อเหตุการณ์ไม่กี่ลักษณะและไม่กี่บุคคล
อย่างพระองคุลีมาล บิณฑบาต โดนก้อนอิฐปาใส่ศีรษะ ทำไมไม่ทรงพยากรณ์ว่าเป็นเพราะกรรมเก่าจากอดีตชาติ แต่เป็นเหตุแห่งกรรมปัจจุบันในชาตินี้
บุคคลที่ไม่พึงสร้างกรรมใด ๆ กับบุคคลแล้วในทางอกุศลแล้วได้ผลวิบากบางอย่างในปัจจุบันผลนั้นย่อมมาจากอดีตชาติ อาทิ พระโมคคัลลานะเป็นพระอรหันต์แต่โดนโจรมารุมทำร้ายจนนิพพานกลางอากาศทั้งที่มีฤทธิ์ท่านยอมรับใช้กรรมจากอดีตชาติที่เคยให้โจรมาปล้นบ้านแล้วโจรทำเกินพอดีด้วยการฆ่าพ่อแม่ของท่าน นี่จึงเป็นกรรมจากอดีตชาติ
เหตุที่พอทำให้เราทราบได้ว่า บางเรื่องที่เป็นวิบากกรรมจากอดีตชาติ บุคคลนั่นไม่ได้สร้างกรรมกับใครแล้วในปัจจุบัน บุคคลนั้นเป็นอริยบุคคลแล้ว ดังนั้น ผลวิบากย่อมมาจากอดีตชาติทั้งสิ้น
แต่คนอย่างผม คุณ และใคร ๆ ยังวนเวียนสร้างกรรมมากมายนัก สิ่งที่ปรากฏต่อเราจะเป็นกรรมในอดีตชาติได้อย่างไร... ล้วนมาจากปัจจุบันทั้งสิ้น แต่บางวิบากกรรม ที่พออนุมานได้ว่ามาจากอดีตชาติ อาทิ บางคนเราไม่เคยรู้จักกันแล้วมามีเรื่องกับเราโดยในชาตินี้ไม่เคยมีเหตุกันมาก่อนนั้นอาจเป็นเพราะเศษบาปเศษกรรมจากอดีตชาติได้ อาทิ คนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยจู่ ๆ เดินมาเรื่องแล้วชกต่อยกัน เป็นต้น
กรรมในปัจจุบัน มีจุดกำเนิดมาจากสมองทั้งสิ้น เมื่อจะมองขบวนการของกรรมในรอยวิทยาศาสตร์ร่วมกับคำสอนของพระพุทธเจ้าพอจะเล่าได้ตามความเข้าใจว่า
เมื่อสมองของเราคิด ปรุงแต่ง (สังขารปรุงแต่ง)
กรรมในใจก็เกิดขึ้นแล้วไง คือ มโนกรรม ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสชัดเจนว่า กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ตถาคตชี้แล้วว่า มโนกรรม เป็นกรรมที่มีผลหนักสุด (แม้แต่ยังไม่กระทำไม่พูด) และส่งผลเร็วที่สุด
ในรอยขบวนการวิทยาศาสตร์จิตวิทยานิยมกล่าวว่า เพราะเราคิด เมื่อคิดแล้วลงมือทำและพูด ผลลัพธ์แห่งการกระทำพร้อมเกิดขึ้นแล้ว
"ความคิดในปัจจุบัน คือ จุดเริ่มต้นแห่งวิบากกรรมทั้งปวง"
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เราควรพิจารณาให้รอบคอบว่า เป็นเพราะกรรมปัจจุบัน หรือกรรมจากอดีตชาติ ด้วยตัวของเราเอง ตามแนวทางที่กล่าวอ้างมา ไม่ต้องเชื่อหลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงตา เพราะท่านไม่รู้ดีเท่ากับตัวเรา
สมองเป็นจุดเริ่มต้นของเครื่องมือที่ทำงานร่วมกับความคิดทำให้เกิดกรรมขึ้น เมื่อเรารู้แบบนี้ก็สามารถยับยั้งชั่งใจเลือกสร้างกรรมให้แก่ตัวเองได้
นักจิตวิทยาฝรั่ง ได้นำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าไปร่วมประยุกต์ เกี่ยวกับภาคสมองว่า ถ้าเราคิดเรื่องบวก ผลลัพธ์ชีวิตเราจะมีแต่เรื่องบวกเข้ามาเสมอ (กฎแรงดึงดูด) ซึ่งนี้ก็ตรงกับที่พระพุทธองค์สอนเรื่อง กายกรรม วจีกรรมมโนกรรม ที่ว่า มโนกรรม (ความคิด) ส่งผลเร็วและแรงที่สุด
หลายคนมีใจคล้อยตามคำสอนฝรั่ง อาจเพราะไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องนี้มาก่อน แต่มโนกรรม จะสำเร็จได้อย่างที่คิดนั้น เวลาที่คิดต้องมีความรู้สึกกับเรื่องที่คิดนั้นอย่างจริงจัง มีความรู้สึกร่วมด้วยครั้ง จึงจะทำให้มโนกรรมสำเร็จ และยิ่งลงมือทำด้วยแล้วยิ่งสำเร็จเร็ว
ยิ่งในสิ่งที่เราทำนั้นมีความรู้ประสบการณ์ คอนเน็กชัน บุญเก่ามาส่งเสริม ยิ่งทำให้เราสำเร็จกว่าคนอื่นอีกมากมาย
ร้อยกว่าองค์กร... ที่ในอดีตผมเคยเดินสายบรรยายทั้งภาครัฐและเอกชนในหัวข้อ พระพุทธเจ้าสอน How-to สู่ความสำเร็จ เป็นการนำเอาธรรมะและจิตวิทยามนุษย์ตลอดทั้งปรัชญามาร่วมกันทำให้ได้ความนิยมอย่างกว้างขวาง แม้วิธีการบริหารคนในองค์กรผมพึงอาศัยหลักการโค้ชวิถีพุทธมาร่วม ดังนั้น คำสอนของพระพุทธเจ้า ล้ำค่ามากยิ่งนัก ถ้าเรียนรู้อยู่ในร่องรอยล้อแห่งธรรมที่เคลื่อนไป ชีวิตย่อมไม่มีวันเคว้งคว้างได้อย่างแน่แท้...