พระพุทธเจ้าสอน How-to สู่ความสำเร็จในชีวิต

17 ก.ย. 2568 | 21:00 น.

พระพุทธเจ้าสอน How-to สู่ความสำเร็จในชีวิต คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

KEY

POINTS

  • คำสอนของพระพุทธเจ้าชี้ว่า มโนกรรม (ความคิด) เป็นกรรมที่ส่งผลเร็วและแรงที่สุด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ โดยการคิดในเรื่องบวกพร้อมความรู้สึกร่วมอย่างจริงจังจะดึงดูดผลลัพธ์ที่ดีเข้ามาในชีวิต
  • ความสำเร็จส่วนใหญ่มาจากกรรมในปัจจุบันที่เกิดจากความคิดและการกระทำของตนเอง ทำให้เราสามารถกำหนดและสร้างผลลัพธ์ในชีวิตได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกรรมในอดีตชาติ

ถ้าผมจะบอกว่า​คำสอนของพระพุทธเจ้า​นั้นไม่พ้นสมัย​ คือ​ความร่วมสมัยอยู่เสมอ​คงเป็นคำกล่าวที่ไม่ผิดนัก​ บางคนก็พยายามโน้มน้าวว่าร่วมรอยเดียวกับวิทยาศาสตร์​ ในมุมของผมนั้นกลับมองว่า​ หลายสิ่งอย่างที่พระองค์ตรัสรู้นั้นล้ำกว่าวิทยาศาสตร์มากมาย​ค้นพบก่อนวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นก่อนเสียด้วยซ้ำ​

โลกแบน​ ความเชื่อที่มายาวนาน​ แค่พระพุทธทรงตรัสชัดว่า โลกคล้ายผลมะขามป้อม คือ​ กลมคล้ายวงรี​ มิใช่แบน​ วิทยาศาสตร์มาค้นพบหลังพระพุทธเจ้า การกำเนิดในครรภ์มนุษย์มีวิธีละเอียดที่พระพุทธเจ้ายกตัวอย่างไว้ชัดเจนแต่มนุษย์ในสายวิทยาศาสตร์ มาพบในยุคหลังพระพุทธเจ้า แม้แต่ปรมาณู ความละเอียดที่เล็กยิ่งกว่าโมเลกุล​ พระพุทธเจ้าก็ค้นพบก่อนวิทยาศาสตร์​ ไอน์สไตน์​ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจึงกล่าวเป็นนัยยะที่ว่า​

"พระพุทธศาสนาไม่ใช่แค่ศาสนาแต่เป็นศาสนาแห่งจักรวาล"

ดังนั้นถ้าเราศึกษาธรรมะได้อย่างถูกต้องถูกร่องล้อธรรมจักร​เราจะไม่หลงยึดติดบุคคล​ผู้สอน ไม่หลงยึดติดในสำนักวัดวาอาราม ไม่ยึดติดความเหนือธรรมชาติที่แท้จริงอยู่ร่วมกับธรรมชาติอยู่มาแต่เดิมแล้ว

แม้แต่เรื่องละเอียดแห่งกรรม​ พระองค์สอนชี้ชัดให้เห็นถึงที่มาแห่งกรรมในปัจจุบันมากมาย​ แต่หลายคนก็ยังไปมีความคิดว่า​ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามักจะมาจากกรรมเก่าในอดีตชาติ ถ้าได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง​ กรรมเก่าจากอดีตชาติพระพุทธองค์จะพยากรณ์ต่อเหตุการณ์ไม่กี่ลักษณะและไม่กี่บุคคล​

อย่างพระองคุลีมาล​ บิณฑบาต​ โดนก้อนอิฐปาใส่ศีรษะ​ ทำไมไม่ทรงพยากรณ์ว่าเป็นเพราะกรรมเก่าจากอดีตชาติ​ แต่เป็นเหตุแห่งกรรมปัจจุบันในชาตินี้

บุคคลที่ไม่พึงสร้างกรรมใด ๆ กับบุคคลแล้วในทางอกุศล​แล้วได้ผลวิบากบางอย่างในปัจจุบัน​ผลนั้นย่อมมาจากอดีตชาติ​ อาทิ​ พระโมคคัลลานะเป็นพระอรหันต์แต่โดนโจรมารุมทำร้ายจนนิพพาน​กลางอากาศทั้งที่มีฤทธิ์​ท่านยอมรับใช้กรรมจากอดีตชาติที่เคยให้โจรมาปล้นบ้านแล้วโจรทำเกินพอดีด้วยการฆ่าพ่อแม่ของท่าน นี่จึงเป็นกรรมจากอดีตชาติ​

เหตุที่พอทำให้เราทราบได้ว่า​ บางเรื่องที่เป็นวิบากกรรมจากอดีตชาติ​ บุคคลนั่นไม่ได้สร้างกรรมกับใครแล้วในปัจจุบัน​ บุคคลนั้นเป็นอริยบุคคลแล้ว ดังนั้น ผลวิบากย่อมมาจากอดีตชาติทั้งสิ้น

แต่คนอย่างผม​ คุณ​ และ​ใคร ๆ ยังวนเวียนสร้างกรรมมากมายนัก​ สิ่งที่ปรากฏต่อเราจะเป็นกรรมในอดีตชาติได้อย่างไร... ล้วนมาจากปัจจุบันทั้งสิ้น​ แต่บางวิบากกรรม​ ที่พออนุมานได้ว่ามาจากอดีตชาติ​ อาทิ​ บางคนเราไม่เคยรู้จักกันแล้วมามีเรื่องกับเราโดยในชาตินี้ไม่เคยมีเหตุกันมาก่อนนั้น​อาจเป็นเพราะเศษบาปเศษกรรมจากอดีตชาติได้​ อาทิ​ คนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยจู่ ๆ เดินมาเรื่องแล้วชกต่อยกัน​ เป็นต้น​

กรรมในปัจจุบัน​ มีจุดกำเนิดมาจากสมองทั้งสิ้น​ เมื่อจะมองขบวนการของกรรมในรอยวิทยาศาสตร์ร่วมกับคำสอนของพระพุทธเจ้าพอจะเล่าได้ตามความเข้าใจว่า

เมื่อสมองของเราคิด​ ปรุงแต่ง​ (สังขารปรุงแต่ง)​

กรรมในใจก็เกิดขึ้นแล้วไง​ คือ​ มโนกรรม​ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสชัดเจนว่า​ กายกรรม​ วจีกรรม​ มโนกรรม ตถาคตชี้แล้วว่า​ มโนกรรม​ เป็นกรรมที่มีผลหนักสุด (แม้แต่ยังไม่กระทำไม่พูด) ​และส่งผลเร็วที่สุด​

ในรอยขบวนการวิทยาศาสตร์จิตวิทยา​นิยมกล่าวว่า เพราะเราคิด​ เมื่อคิดแล้วลงมือทำและพูด​ ผลลัพธ์แห่งการกระทำพร้อมเกิดขึ้นแล้ว

"ความคิดในปัจจุบัน​ คือ​ จุดเริ่มต้นแห่งวิบากกรรมทั้งปวง"

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา​ เราควรพิจารณาให้รอบคอบว่า​ เป็นเพราะกรรมปัจจุบัน​ หรือ​กรรมจากอดีตชาติ​ ด้วยตัวของเราเอง ตามแนวทางที่กล่าวอ้างมา ไม่ต้องเชื่อหลวงปู่​ หลวงพ่อ​ หลวงตา เพราะท่านไม่รู้ดีเท่ากับตัวเรา

สมองเป็นจุดเริ่มต้นของเครื่องมือที่ทำงานร่วมกับความคิดทำให้เกิดกรรม​ขึ้น เมื่อเรารู้แบบนี้ก็สามารถยับยั้งชั่งใจเลือกสร้างกรรมให้แก่ตัวเองได้​

นักจิตวิทยาฝรั่ง​ ได้นำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าไปร่วมประยุกต์​ เกี่ยวกับภาคสมองว่า​ ถ้าเราคิดเรื่องบวก​ ผลลัพธ์ชีวิตเราจะมีแต่เรื่องบวกเข้ามาเสมอ​ (กฎแรงดึงดูด)​ ซึ่งนี้ก็ตรงกับที่พระพุทธองค์สอนเรื่อง​ กายกรรม​ วจีกรรม​มโนกรรม​ ที่ว่า​ มโนกรรม (ความคิด)​ ส่งผลเร็วและแรงที่สุด​

หลายคนมีใจคล้อยตามคำสอนฝรั่ง​ อาจเพราะไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องนี้มาก่อน แต่มโนกรรม​ จะสำเร็จได้อย่างที่คิดนั้น​ เวลาที่คิดต้องมีความรู้สึกกับเรื่องที่คิดนั้นอย่างจริงจัง​ มีความรู้สึกร่วมด้วยครั้ง​ จึงจะทำให้มโนกรรมสำเร็จ​ และยิ่งลงมือทำด้วยแล้วยิ่งสำเร็จเร็ว​

ยิ่งในสิ่งที่เราทำนั้นมีความรู้​ประสบการณ์​ คอนเน็กชัน บุญเก่ามาส่งเสริม​ ยิ่งทำให้เราสำเร็จกว่าคนอื่นอีกมากมาย​

ร้อยกว่าองค์กร... ที่ในอดีตผมเคยเดินสายบรรยายทั้งภาครัฐและเอกชนในหัวข้อ​ พระพุทธเจ้าสอน How-to สู่ความสำเร็จ เป็นการนำเอาธรรมะและจิตวิทยามนุษย์​ตลอดทั้งปรัชญามาร่วมกัน​ทำให้ได้ความนิยมอย่างกว้างขวาง​ แม้วิธีการบริหารคนในองค์กรผมพึงอาศัยหลักการโค้ชวิถีพุทธมาร่วม ดังนั้น คำสอนของพระพุทธเจ้า​ ล้ำค่ามากยิ่งนัก​ ถ้าเรียนรู้อยู่ในร่องรอยล้อแห่งธรรมที่เคลื่อนไป​ ชีวิตย่อมไม่มีวันเคว้งคว้างได้อย่างแน่แท้...