ทางมืดและสว่างของชีวิต

02 พ.ย. 2565 | 20:30 น.

ทำมาธรรมะ​ โดย​ ราชรามัญ

ผู้ที่เป็นเทวดาเวลาที่จะลงมาอุบัติเป็นมนุษย์ จะเริ่มมีกลิ่นตัว มีเหงื่อ นี่คืออาการที่จะละจากสวรรค์ลงมาอุบัติเป็นมนุษย์ การตายจากความเป็นเทวดา ก็ตายแต่ร่างกายที่เป็นทิพย์ แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่

 

มนุษย์ก็เป็นเช่นเดียวกัน ที่เวลาจะละ ก็ละแต่เพียงสังขารร่างกาย แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่ เพื่อไปอุบัติอาศัยอยู่ในร่างกายใหม่​ ส่วนจะเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่บุญกรรมที่ทำไว้

 

นี่เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกสรรพนามรวมๆ กันด้วยคำว่า​ "สัตว์" เราจะเห็นได้จากพระไตรปิฎกที่พระองค์ตรัสหลายครั้งหลายแห่งและหลายบริบท​

 

"สัตว์ทั้งหลาย..." เป็นต้น​ นี่รวมถึงมนุษย์​ เทวดา​ และ​ เปรต​ อสุรกาย​และสัตว์เดรัจฉานด้วย​ย่อมไม่ผิด​

สิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ​ แต่มีร่างกายต่างกัน​นั่นคือสัตว์ทั้งสิ้น​ในคติของพระพุทธเจ้า การเกิดบนดาวโลกดวงนี้​

 

บางคนเกิดมายากลำบากเพราะกรรมชั่วส่งผล​ ครั้นยังทำชั่วอีกตอนมีชีวิต เวลาตายไปแล้วก็ไปตกระกำลำบากอีก ได้ร่างกายเป็นสัตว์เดรัจฉาน​ หรือ​เปรต​ อสุรกายบ้าง​ พระพุทธเจ้าตรัสว่า​ ตโม ตมปรายโน คือ​ ผู้มามืดกลับไปมืด​

 

บางคนเกิดด้วยความยากลำบากเพราะกรรมชั่วส่งผลมา​ แต่เมื่อเกิดแล้วสร้างแต่กุศลกรรมที่ดี ตอนตายจากโลกนี้ไปได้เป็นเทพเทวดา​ ได้ไปอุบัติในที่ที่ดี​เพราะกุศลที่ทำนั้นหนุนนำพระพุทธเจ้าตรัสว่า​ ตโม โชติปรายโน คือ​ ผู้มามืดกลับสว่าง​

 

บางคนตอนเกิดมาเป็นมนุษย์​ อยู่สุขสบายเพราะกุศลเก่าเกื้อกูลหนุนนำ ส่งผล​แต่เกิดมาแล้วสร้างแต่อกุศลกรรม​ ชีวิตหลังความตายของเขาจะต้องไปสู่ภพภูมิที่ไม่ดีอย่างแน่นอนพระพุทธเจ้าตรัสว่า​ โชติ ตมปรายโน คือ​ ผู้มาสว่างแต่กลับไปด้วยความมืด

บางคนนั้นเกิดมาด้วยบุญกุศลส่งให้มีชีวิตที่ดี​ ชีวิตสบายมีความสุข​ ครั้นยังคงทำแต่คุณงามความดีสร้างแต่กุศลด้วย เวลาตายก็ไปเกิดในที่ที่ดี​ พระพุทธเจ้าตรัสว่า​ โชติ โชติปรายโน คือ​ ผู้มาสว่างกลับไปด้วยความสว่าง

 

เวลาที่ไปบรรยาย​ให้องค์กรรัฐ องค์กรเอกชน ในด้านพัฒนาตนเองทางฝ่ายจิตวิญญาณ​ เกี่ยวกับการทำงานให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย บ่อยครั้งที่พูดสอดแทรกหัวข้อนี้​ ทำให้หลายคนตระหนักรู้มากขึ้น ถึงกระบวนการชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย​

 

สิ่งที่เห็นชัดมากที่สุด​ ​คือ​ สิ่งที่มนุษย์พึงควรทำกลับไม่ทำ​ แต่ไปทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ​

 

มนุษย์ที่มักใฝ่สูงมากๆ โดยมากพื้นฐานชีวิตมาจากที่ต่ำ​ อันนี้เป็นกฎธรรมชาติอย่างหนึ่ง​ คือ​ เกิดมาลำบาก​ จะกินจะใช้​ ก็จำกัดจำเขี่ย​ มันเลยเป็นปมด้อย​ จึงมุ่งพัฒนาให้ตนเองมีทรัพย์​ จนลืมเรื่องฝ่ายพัฒนาจิตวิญญาณของตนเอง​

 

คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องจิตวิญญาณและศาสนา เพราะมองไปว่าเป็นการครอบงำเพื่อให้ปกครองง่าย​ อันนั้นเขามองโดยใช้แต่ด้านฐานความคิดในด้านการปกครองนำอย่างเดียว...

 

แต่เมื่อไหร่ที่เขาได้สัมผัสความยากลำบาก​ของชีวิตหรือเข้าใกล้ความตาย​ เมื่อนั้นเขาอาจจะพอคิดได้บ้าง​

 

ดังนั้น ชีวิตเรา เราเลือกเอง จะมืดกลับสว่าง​ หรือ มาสว่างกลับสว่าง​ ส่วนที่เราเห็นนักการเมืองบางคน​ รัฐมนตรีบางคน​ ทั้งรัฐบาลเก่ารัฐบาลไหนๆ ก็ตาม​ ทำสิ่งชั่วร้าย​ เห็นข้าราชการบ่าแข็งบางคนทำสิ่งชั่วร้าย​ แล้วยังมีชีวิตสุขสบาย​ ไม่ต้องไปอิจฉาเขาหลอก เพราะวันหนึ่งความวิบัติต้องมาถึงทั้งก่อนตายและหลังความตายอย่างแน่นอน​

 

ติดตามราชรามัญ / วิทยากร / บรรยาย​ https://www.facebook.com/rajraman164