แก้ปัญหาชีวิตด้วยวิถีพุทธ

26 ต.ค. 2565 | 19:30 น.

ทำมาธรรมะ​ โดย​ ราชรามัญ

ศาสนาพุทธในประเทศไทย นับวันยิ่งเพี้ยนกลายเป็นไสยศาสตร์เสียหมด​ งานกฐินทั้งหลาย​ เป็นพุทธานุญาตในเรื่องผ้าจีวร แต่ยุคนี้ กลายเป็นเรื่องเงิน อวดบารมีกัน ใครเป็นประธานได้กี่ล้านกี่แสน ได้ยินได้ฟังแล้วเจ็บปวด​ กลายเป็นจำอวดนับถือพุทธ

 

พุทธศาสนากลายเป็นไสยศาสตร์ เพราะคนต้องการความสำเร็จแบบเร่งด่วน เลยต้องจุดธูปไหว้วอนไป​ ด้านปัญญาก็ไม่เน้นไม่สอนให้เข้าใจ​ ธรรมะความจริงแล้วมีไว้สำหรับการแก้ไขชีวิตที่เป็นทุกข์ ให้เข้าใจเข้าถึงและพัฒนาภูมิจิตขึ้นไปเรื่อยๆ

 

มนุษย์ถึงคนถ้ามีปัญหาชีวิต​ แล้วแก้ไขด้วยไสยศาสตร์ไม่มีวันจบปัญหาอย่างแน่นอน แต่ถ้าแก้ไขด้วยปัญญาทุกปัญหาจะเข้าอย่างยิ่ง

สมมุติ นายเอกับนายบีวิวาทกัน​ ถ้าเอาพุทธศาสตร์มาจับจะสามารถเห็นคำตอบได้หลายมิติ​ อาทิ​ เอาด้านกรรมมาจับเหตุการณ์นี้ก็จะเข้าใจได้ว่า​ เป็นเพราะกรรมเก่าที่เขาเคยร่วมทำกันมา ถ้าเอาความจริงในปัจจุบันมาจับอาจบอกได้ว่า​ ไอ้เซ่อกับไอ้โลภทะเลาะกันเพราะผลประโยชน์​

 

ถ้าเอาโหราศาสตร์มาจับจะได้คำตอบว่านายเอกับนายบีดวงเบียดเบียนกันไม่ถูกกัน

 

หนึ่งเรื่องราวที่มองว่าเป็นปัญหาอยู่ที่เราจะเอาหลักการอะไรมาจับเพื่อหาผลลัพธ์และต้นเหตุ​ ใครที่เกิดปัญหาชีวิตแล้วอะไรๆก็เอาแต่ใช้ไสยศาสตร์กราบไหว้แบบหน้ามืดตามัว​ ในทางพุทธแท้ๆ เรียกว่า​ "ขาดปัญญา" เวลาที่ผมได้รับเชิญไปบรรยายที่ไหนผมพูดเสมอว่า

 

"ปัญหาไม่มีจริงแต่ที่เกิดแล้วรู้สึกว่าเป็นปัญหาก็เพราะปัญญาเราน้อย"

สมมุติ มีบางเรื่องเกิดขึ้นกับเรา​ แล้วเราเข้าใจและเห็นวิธีแก้ไข​ เมื่อแก้ไขแล้วก็ดีขึ้นเป็นลำดับ​ นี่เราแก้ได้เพราะเรามีสติปัญญา​ แต่ถ้าเราแก้ไม่ได้แสดงว่า​ ความรู้ศักยภาพเราไม่ถึงแล้ว​ จึงกลายเป็นปัญหา

 

เมื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นพยายามให้หลายๆหลักการของศาสตร์ความรู้เข้าไปจับเราจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างหลายมิติมากขึ้น​

 

เคยไปกราบท่านพุทธทาส​ ครั้งแรกท่านถามว่า​ มาที่นี่ทำไม... (หมายถึงสวนโมกข์)​ ผมตอบทันควันว่า

 

"มาเพื่อเพาะเชื้อทางปัญญา"

 

ท่านขำในลำคอเบาๆ แล้วยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก​ ราวกับเข้าใจในความคิดผมแล้วท่านปรารภว่า...

 

"สังขธรรม​ อสังขธรรม"

 

ความหมายคือ​ เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนั้นจึงมี​ เพราะไม่มีสิ่งนั้นสิ่งนี้จึงไม่มี​

 

นี่แหละ​ คือ​ พุทธปัญญาโดยแท้สำหรับการแก้ปัญหาแบบชาวพุทธ