ใบคั่นอารมณ์ 1990s

25 มี.ค. 2566 | 02:00 น.

ใบคั่นอารมณ์ 1990s คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

คอลัมน์แคทฯ ในฐานเศรษฐกิจนี้เริ่มลงตีพิมพ์มาตั้งแต่ครั้งฐานเศรษฐกิจยังเปนแต่หนังสือพิมพ์ จนข้ามสู่ยุคฐานเศรษฐกิจมัลติมีเดีย รวมได้สองร้อยตอนเข้าไปเเล้ว ท่านผู้อ่านมีทุกเพศวัยให้คำชมประสมคำติเพื่อการพัฒนาการปรับปรุงเรื่อยมา มาบัดนี้คุณผู้อ่านวัยรุ่นทักถามมาว่าเล่าอดีตยุคไม่ไกลบ้างซี เอาว่าในปี 1990 ที่เขาว่ามันรุ่งเรืองดีน่าประทับใจมันเปนอย่างไร เอาเปนสไตล์ แคท เอาท์ ออฟ เดอะ บ็อกซ์น่ะ
 
ดังนี้ก็ได้เวลาค้นหาข้อเขียนแห่งวัน_เวลา มานำส่งเปนการบ้าน ดังต่อไปนี้ :-
 
หลายคนหาซื้ออนาคตได้ไม่ยากเย็นส่งลูกเข้าที่เรียนแพงๆดีๆนั่นไง ซื้ออนาคตให้ลูก แต่อดีตเล่า? วัน_เวลาที่สวยงามชื่นฉ่ำนั้น จะย้อนกลับมาหาได้ ไหม

วันนี้เห็นกิจการหลายแห่งเริ่มริการย้อนวัน/เวลากันบ้างแล้ว ที่บรรทัดทองเริ่มร้านโดนัทไอศกรีม สีลูกกวาด ที่ตามห้างร้านโรงหนังตู้ถ่ายรูปสติกเกอร์เริ่มกลับมา ก่อนที่เบียร์คลอสเตอร์อยู่ๆก็หายไป หายไปไวพอๆกัน อมฤต เอ็นบี หายไปไวพอๆกับ บัตรไดเนอร์’สคลับ ก่อนที่เมียวโจ้ ซันไม บะหมี่แห้งซองแดงที่ต้องต้มไฟจริงๆ โรยน้ำปรุงโชวยุในซองฉีกสะดวกจะสาบสูญ ก่อนระบบวิทยุติดตามตัว เพจเจอร์ ฮัทชิสัน เพจโฟน 162/ โฟนลิ้งค์ 152/ แพคลิ้ง 1144 จะค่อยจางหายไปในหมอกควันของกาลเวลา
 
ปวงเยาวชนในเวลานั้นผู้ถูกขนานนามเปนกุมารเศรษฐี (ก่อนจะตกยากตามวิกฤตเศรษฐกิจที่ตามติดดั่งวิบาก) ละลายเงินทองพ่อแม่หาได้ไปกับความสำเริงสราญของชีวิต เริ่มตั้งกะยุคกระเตาะ ม.ปลาย จากของแต่งกายก่อน
 
นาฬิกาสวิส ของวัยรุ่น 90s จะเปน อื่นไปมิได้นอกจาก Tag Heuer แทก_ฮอยเออร์ ต้องมีให้ทั่วทุกตัวคนโดยเฉพาะเรือนโลหะลายก้างปลา จะเปนจะตายจะต้องหามาใส่เสียให้ได้ _อย่า_อย่าไป เสียเวลากะอีรุ่นมาตรฐานสายข้อเรียงกันวงหมุนปลาสติก_นั่นมันของเเก้ขัด มิได้ช่วยยกฐานะมาแต่อย่างไร เสียเงินหมื่นไปซื้อเข้าแล้วไซร้ ขาดใจไปกับคาสิโอ ดาต้าแบงค์เสียดีกว่า

นาฬิกาก้างปลานี้อ่อนช้อยสวยสง่า กันกระเเทกได้ดี ถ้าจะดีต้องเปนสองกษัตริย์ ข้อเงินสลับทอง และเดินด้วยระบบออโตเมติกสองขอบ นักเรียนรุ่นใหญ่เขาจะใส่กางเกงเวสปอยต์ขาสั้นแต่บานให้มันผิดระเบียบ ต่อด้วยเสื้อผ้าป่านราคาถูกบางจ๋อยจากจตุจักรตัวโคร่งๆ คาดแทก ฮอยเออร์ก้างปลาเรือนทองทั้งตัวที่มือซ้าย ใช้เพจเจอร์โมโตโรลล่ารุ่นบาง รับบริการแพงจัดจากฮัทชิสัน 162 มาโรงเรียนด้วยรถเก๋งขับเองที่แอบไปหาที่จอดข้างนอกรั้ว และที่สำคัญเบาะคู่หน้าของรถนั้นต้องเอนลงเสียให้ราบ แสดงความสามารถในการนอนขับ!
 
รถเมล์อย่าไปนั่งสิ ขอ_ขอกับบุพการีเข้าของพวกเราขั้นต่ำต้องฮอนด้า แอคคอร์ด มือหนึ่งไม่ได้ก็ขอมือสอง ถ้าไม่ได้เกียร์ธรรมดาไม่เอา ต้องออโต้! รถยิ่งคันใหญ่วัยรุ่น 80s ต่อ 90s ยิ่งนับว่าโก้ดี ไม่มีใครสนใจหรอกรถเล็กๆ ถนนรัฐบาลทำไว้กว้างขวางออกจะตายไป มิตซูบิชิ ก็ได้ ถ้าให้เข้าทีต้อง อัลติม่า
 
การลักลอบออกไปดูหนังก็ต้องไปให้มันไกลๆ ไกลจากครูบาอาจารย์สารวัตรนักเรียนจะพบเห็น รัตนธิเบศร์เวลานั้นเพิ่งมีห้างจัสโก้_นั้นเปนเป้าหมายปลายทาง คราวที่นักบริหารธุรกิจนำแฟรนไชส์กับข้าวสิบล้อฝรั่งที่กินได้ไม่อั้นมาเปิดในนามซิซสะเล่อ ก็มีรึนักเรียนมัธยม 90s จะไม่หาทางไปลองกิน ปวงเขาบ้างก็เล็ดลอดออกทางช่องธรรมชาติ บ้างก็ขออนุญาตถูกต้องอ้างว่าออกไปซื้อของทำกิจกรรมกีฬาสี 55 คนพวกนี้มีหนังสือส่งตัวเสร็จสรรพ!
 
ต่อเมื่ออินทรีย์แก่กล้าขึ้น เปลี่ยนขาสั้นเปนขายาว รถนั้นๆก็พาเยาวชนไปเที่ยวกลางคืน ตามผับตามบาร์ ชูก้าร์บีท บ้าง อิมเมเจอรี่ บ้าง เอสกูโด้ ทองหล่อบ้าง บาร์โค้ด 53 บ้าง อาร์ซีเอเพิ่งมา จะเต้นให้หนักหรือว่าจะเสียดสีก็ต้องไป รูท66 เวียนไปถึงคลื่นแทรก หากว่าอยากเจอพวกจุฬา หรือว่าทอรัสหากอยากเจอเพื่อนที่ไปเรียนเอแบค การติดต่อนัดความก็ไม่ยาก ใช้มือถือโทร เรียกเพจเจอร์ เพื่อนร่วมอุดมการณ์ หากว่าใครไม่มีมือถือ กระเดี๋ยวเขาก็จะไปหาตู้หยอดเหรียญ/หรือเสียบบัตรโทรศัพท์ ติดต่อกลับมายืนยันจนได้ ยามนั้นค่าสุราไม่เท่าไร ค่ามิกเซอร์แพงกว่า ขวดละ 25 บาท และหากกว่าไปถีงแล้วไม่มีที่ ก็เปนหน้าที่ที่ใครมาถึงก่อนต้องยัดสตางค์ใต้โต๊ะแก่กัปตันรึไม่ก็หัวหน้าบ๋อย บางคราวเมื่อกรุงเทพฯไม่สนองความต้องการ พัทยา โดยเฉพาะพัลลาเดียมก็เปนแหล่งสำเริงสุขอันสนุกมิรู้วาย หากว่าประดาสถานในกรุงนั้นเสียงเอ็ดอึงเกินไปและไม่ใคร่ได้พบผู้น่าสนใจจะไขว่คว้าหาสัมพันธ์มาสาน


 
ในขณะที่นักเที่ยวสายครอบครัว ฮาร์ท มันดอฟเฟอร์ ตึกเอสซีบีปาร์ค เปนทางเลือกที่วิเศษ ขาหมูเยอรมัน ไก่ย่างเยอรมัน กินกับเบียร์หมักเองสามสี่แบบ อร่อยชื่นใจ ข้างบุหรี่ที่สมัยนี้ห้ามกันมาก เวลานั้นวัยรุ่น 90s ดูดอย่างไม่ได้ติด ต้องเปนแบบไลท์ ไม่ให้มันหนักปอดเกินไปนัก เพราะว่าสูบเอามาดไม่ได้สูบเอานิโคติน แต่สุดท้ายก็ติดหนึบ เพราะว่ามันเปนยาเสพติด!
 
งานแฟชั่นประชันขันแข่งในรั้วมหา’ลัยนั้นพูดได้คำเดียวว่า_น้อยไปสิกางเกงยีนส์นั้นเปนของประจำของวัยรุ่น ลีวายส์ นับเปนเต้ยในสกุลยีนส์อเมริกัน ไอ่พวก แม้ค/แรงเล่อร์ หลบไป ที่นี้เขาไม่นับชาติให้ ลีวายส์นั้นต้องรหัส 501 ตัดเย็บด้วยผ้าริมแดง สีน่ะเหรอ_ต้องมิดไนท์บลูเท่านั้น ถ้าจะเกินกว่านี้ ต้อง levi’s engineered jean ตัดต่อผิดปกติบิดตะเข็บตะโพก/ขาเพื่อได้ทรงพิเศษพรางรูปเมื่อสวมใส่
 
ถ้าฟากยุโรป มีแต่เเฟชั่นอิตาลี เวอร์ซาเซ่ ลิเก จิอันนี่ ออกแบบกางเกงยีนส์เข้มสีเดินตะเข็บรุ้ง! ถ้าว่าเอาสุภาพ ก็ต้อง อาร์มานี่ , โน, ไม่ใช่ เอมโปริโอนะ_ต้อง จิออจิโอ้ นอกนี้ใครหุ่นดีต้องลอง replay เพราะมันรัดสกัดโครงสร้าง เสื้อมีปกนั้นใส่น้อยเพราะมันแสดงความแหย ถ้าว่าเสื้อโปโล ต้องแยกว่า ราฟท์ ลอเรน ถึงจะได้ ถ้าทั่วไปใช้ตราจระเข้หันซ้ายจึงพอไหว
 
ร้านค้าของมียี่ห้อตั้งยั่วยวนน้ำลายเยาวชนกันอยู่ทั่วไป รวมหลายยี่ห้อ เขารวบมาจากฮ่องกงเปิดอยู่ที่เวิล์ดเทรดเซนเตอร์บ้าง เพนนินซูล่าบ้าง


 
เสื้อยืดเวอร์ซาเซ่ในวันก่อนตะแกถูกยิงตายตัวละราว 1,200 บาท ไม่ใช่ที่น่ารังเกียจ พื้นดำแล้วหัวเมดูซ่าเปนสีรุ้ง รองเท้านั้นทุกคนใส่รองเท้าหนังโลฟเฟอร์ เฟอร์รากาโม่ นุ่มตีน และสะดุดตาจากป้ายทองเหลืองคาดหน้ารองเท้า _ ไม่_ไม่มีใครใส่ถุงเท้า ก็ในเมื่อมันราคาแพงนักควรสัมผัสเสียให้เต็มที่ ด้อยไปกว่านี้ก็ต้องเปนโลฟเฟอร์ รีกัล ถูกกว่าครึ่ง แต่หน้าตาไม่ถูกตาม
 
มันมีเด็กสองประเภทในเวลานั้น คือ เด็กบูติคประเภทหนึ่ง อีกประเภทนั้นไม่บูติค เด็กบูติค มันคาดเข็มขัด ไอ่เข็มขัดสานอย่างว่าบอทเทก้านี้เขาคาดกันมาแต่ปีมะโว้ ชั่วแต่ว่าหัวไม่ได้เปนเข็มให้ขัด เปนปั้นเหน่งแทนตะหาก ยี่ห้อลีวายส์ (อีกแล้ว) ถ้าวันที่อยากจะเปนทางการหน่อยก็คาดกุชชี่ หัวตัวจี สีเงิน คุณภาพหนังดีมากบางเส้นใส่ได้สองหน้า แอร์เมสนั้นแพงมากและยังไม่เข้ามาคงจะด้วยพาร์ทเนอร์ในไทยยังเกรงใจคุณเภาลีนา ณ นคร เจ้าแม่กุชชี่ บางคนบูติกมากก็คาดกุชชี่ทองตัวจีสองตัวหันหากัน ของเหล่านี้เปนภาระมากด้วยยามจะลงสนามเล่นบอลต้องเปลี่ยนหาที่ปลอดภัยล็อกกุญแจเก็บงำให้เหมาะสม
 
นาฬิกาที่ติดมาแต่ครั้งขาสั้นนั้นยังพอเปนเครื่องประกาศกิตติคุณได้ ไม่ต้องดิ้นรนหาเพิ่มหรือเปลี่ยนใหม่ ฝ่ายหญิงใช้ฟิลลิป ชาริโอต์ เปนตัวเสริม พร้อมๆกะหลุยส์ วิตตอง รุ่น อีคลิป
 
ข้างเด็กไม่บูติก เขาเรียกว่าอีกอย่างว่าเด็ก “แนว” คือมันมีแนวทางเปนของตัวเอง ปฏิเสธการพันธนาการด้วยเครื่องรัดตรึงแบรนด์เนมมียี่ห้อ แต่ของมันจะเเอบแพงในจำพวกงานเทคโนโลยี/มือถือสกุลพิเศษ-อิริคสัน แบนมากกว่าโนเกีย/และใช้รถยุโรปอย่างผู้ดีเก่า เช่นวอลโว โอเปิ้ล และเปอร์โยต์ มีซาวอะเบาท์ติดตัวฟังเพลงหนักๆอย่าง เนอวาน่า ภายใต้การนำของเคิร์ด โคแบน แล้วเปนเดือดเปนแค้นหากใครด่าว่านักร้องในดวงใจฆ่าตัวตายเพราะอยากไปนิพพานตามชื่อวง
 
เด็กสองประเภทนี้ไม่ขัดกัน_ยอมรับในกันและกัน ไปไหนมาไหนแบบว่าแหกระเบียบแล้วไซร้ต้องใช้คำว่า ถึงไหนถึงกัน ก่อนสอบใครเก่งก็จะหาเรื่องจัดติว แบ่งบทกันอ่านแล้วมาพรีเซนต์ส่วนที่อ่านให้เพื่อนทราบ แลกๆวิชากัน ใครจดเลกเชอร์ได้ดี ก็ยินดีให้เพื่อนำไปซีร้อกซ์ ร้านถ่ายเอกสารขายดีมากด้วยประการฉะนี้ หากว่าสอบเสร็จเมื่อใดแล้วร้านข้าวแถวท่าพระจันทร์อย่าหวังจะได้เเอ้ม
 
เขาชดเชยด้วยการตั้งขบวนไปกินของแพง ของอิตาเลี่ยนอย่างปอมปอม ถ. วิทยุนั้นหนึ่งล่ะ รึก๋วยเตี๋ยวเรือชามละเก้าสิบที่ เพนนินซูล่า นั่นก็อีกหนึ่งละ ไม่นับประดาโรงหนังที่ลัดเลาะไปมาหมดตั้งกะเวิล์ดเทรด เมเจอร์ ไปยันการ์ดสวนแก้ว เชียงใหม่ ไอแมกซ์แบบที่ว่าใหญ่สุดในประเทศ ดูๆไปมีกลิ่นมีเก้าอี้โยกได้ เปนของต้องลองและขาดมิได้_ไม่มีใครดูหนังที่บ้าน ยังไม่นับตู้ถ่ายสติกเกอร์ที่ว่าใครจีบกะใครแล้วตัองประกาศความสำเร็จด้วยการไปถ่ายรูปคู่กันตามไอ้ตู้เหล่านี้ ได้สติกเกอร์มาแล้วก็เอาแปะตามของใช้ต่างๆเปนเครื่องระลึกถึงความรักหวานชื่น


 
ไอ้การตั้งขบวนไปร้านแพงๆนี้ไม่ใช่ว่าง่าย เพราะรถแต่ละคันมันจอดกันคนละที่แล้วก็ไม่มี กู้เกิ้ลให้เสิร์จโลเกชั่นหา แรกๆจะต้องไปให้มันพร้อมหน้ากัน
 
รถนำขบวนนั้นเปน เมอร์ซิเดส 124 สีบลูแบลค สปอร์ตสองประตู ขับโดยเด็กบูติคผมยาว ตามด้วย บีเอ็มดับเบิ้ลยูฟันหนู 318 สีมังคุด/ ซาบหัวเป็ด 900 สีแดงหม่น/ โอเปิ้ลเขียว/เปอร์โยต์เขียว/วอลโว่เขียว ปิดท้ายด้วยฮอนด้า คัลเลอร์คีย์สีชมพูมุก เจ็ดคันมันต้องเปิดไปกระพริบวิบวับๆ อ้อมวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปทะลุนางเลิ้งแล้วตัดเข้าเพชรบุรีตัดใหม่_ตามติดกันไปคล้ายออกอาละวาด_ด้วยว่ากลัวหลง!
 
ไอ่ขบวนรถแปลกประหลาดนี้ต่อๆมา ก็เปิดไฟกระพริบมุ่งหน้า ถ. บางนา_ตราด ไปหาที่นอนตามคอนโดตากอากาศของบุพการีที่พัทยาบ้าง หัวหินบ้าง เขาใหญ่บ้าง ตามแต่อากาศและโอกาสจะอำนวย แน่นอนว่าถ้าไปพัทยาจะถี่กว่าเพราะมีอัครสถานความบันเทิงอย่างพัลลาเดียมให้สูบควันและเสียดสีกับวัยรุ่นอื่นๆนอกสารบบ มหา’ลัย ที่คุ้นเคย สถานที่ห่างไกลอย่างเชียงใหม่ หรือ สุราษฎร์ การไปเที่ยวบ้านเพื่อนอย่างนี้ขบวนรถประหลาดจะไม่เคลื่อนไป_หันไปใช้บริการรถไฟด้วยเกรงใจแม่พ่อ เครื่องบินแพงไปสมัยนั้นไม่มี low cost การณ์จะบินต่อเมื่อไปหากินข้าวเที่ยงหรือช้อปปิ้งที่ฮ่องกงเปนหลัก
 
ยุคนั้นยังมีดีไซน์เนอร์อีกคนหนึ่งดังเงียบๆชื่อจิอานฟรังโก เฟอร์เร่ เสื้อยืดขาวประทับลายโลโก้ขนาดใหญ่สีแดงฟ้านั้นน่าประทับใจเด็กบูติคสองคนซื้อกันคนละเวลา คนละสถานที่ แต่ใส่มาเจอกันด้วยกางเกงสีฟ้าอ่อนเหมือนกัน เเละเปนเพื่อนรักที่ช่วยเหลือกันและกันทั้งกายใจตั้งแต่บัดนั้นมาจนครบ 27 ปีเมื่อวานนี้


 
ที่นครเชียงใหม่นี้เองที่ทำให้เยาวชนผู้ข้องได้พบกับ มร. อลัน เจมส์ เทลเฟอร์ มหาเศรษฐีผู้หลบบรรทัดข่าวสังคม นอกจากออกไปเที่ยวดูมหึมางานสร้างกาดสวนแก้วของ ร.ต.ท. สุชัย เก่งการค้า และสัมผัสความอลังการนั้นด้วยการดูหนังไททานิคในโรงยักษ์ของเขา แล้ว ออกไปสำรวจราตรีสถานบันเทิงใต้ถุนตึกเก่าอย่างทาทามิ รึรื่นเริงท้าลมหนาวริมปิงในไลฟ์บาร์อย่างกู้ดวิว  แออัดยัดทะนานไปในโตโยต้า สปอร์ตสีเทาเซลิก้า ขึ้นไปไหว้สาพระธาตุดอยสุเทพ ถ่ายรูปแจกกันด้วยกล้องป็อกแป้ก ฟิล์มโกดัก ท่านผู้มหาเศรษฐีก็กรุณาเลี้ยงรับดัวยดินเนอร์ฝรั่งเศสชนิด full course เปนงานเลี้ยงอย่าง first class เริ่มด้วยซุปถั่วเเลนทิลเขียว สลัดเป็ดรมควัน และเบรคล้างปากด้วยเชอร์เบ็ต ก่อนจะเปนปลา แล้วตามด้วยเนื้อกับไวน์แดงคราเล็ต ปิดด้วยของหวานและเหล้าปอร์ตช่วยย่อย ซึ่งหากว่าไม่มีประสบการณ์วัยกระเตาะมาก่อนแล้วคงจะตะลึงพรึงเพลิด ด้วยท่านเเต่งชุดที่ถูกต้องมานั่งหัวโต๊ะ เดชะบุญที่มีเสื้อแขนยาวติดไปพร้อมกางเกงขายาว จึงเข้าสมาคมพอได้ไม่ขัดเขิน
 
โต๊ะนั้นยาวและเปนไม้สัก ตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของคฤหาสน์ที่ชื่อว่า เลอ ค้อก ดอร์-ที่ไก่ทองคำ- อันเปนร้านอาหารไพรเวทสุดยอดของเมืองในเวลานั้น สุดยอดขนาดว่ามีแท็กซี่ลอนดอนแคป ออสตินหรูหรา นำเข้ามาใช้เปนรถรับส่งแขกที่ลงเครื่องสนามบินมารับประทานจานสำคัญที่ร้านแล้วนำส่งเพื่อบินกลับ
 
ท่านเจ้าภาพคงเเลสังเกตว่าเจอเข้าหลายมื้อท่าทางจะรับมือความเลี่ยนมิไหว กรุณาเอ่ยขึ้นว่า “หัดเสียให้คุ้นชิน_ต่อไปต้องไปเรียนเมืองนอกอาหารเปนอย่างนี้หมด_จะได้อยู่กับเขาได้”
 
ความเมตตา หยิบยื่นประสบการณ์แจกให้เช่นนี้ ทำให้รำลึกถึงคราววัยรุ่นออกไปท่องยุโรปเปนครั้งแรก