โรคต่อเนื่องจากโรคจิตเภท

17 มี.ค. 2566 | 23:00 น.

โรคต่อเนื่องจากโรคจิตเภท คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เล่าถึงเรื่องโรคจิตเภทที่มักจะเกิดในผู้สูงวัยทั่วไป ก็มีคำถามมาว่า แล้วมันอันตรายมั้ยละ? จะมีทางรักษาหายได้มั้ย? หรือมีทางป้องกันอย่างไรบ้าง? คำถามเหล่านี้มาจากผู้สูงวัยบางท่าน ที่เป็นแฟนคลับในคอลัมน์นี้อยู่ ผมก็ขออนุญาตตอบแบบคนที่ไม่ใช่แพทย์ เอาแค่เท่าที่รู้มาพอสมควรนะครับ อาจจะเพี้ยนๆ ไปบ้าง ตามประสาคนนอกวงการ ที่จะขอตอบแบบอ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ นะครับ อย่าไปเอาสาระอะไรกับผมมากนะครับ 
        
อันที่จริงการที่ผู้สูงอายุที่จะเป็นโรคจิตเภท มักจะมาจาก 2-3 สาเหตุอย่างที่เล่าไปแล้ว เช่น เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือเกิดจากเคมีในสมองผิดปกติ ซึ่งสาเหตุอันหลังนี้ มักจะเกิดจากความเครียดเป็นหลัก ส่วนความเครียดก็มีสาเหตุหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้เครียดในทุกวันนี้ 

ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางสังคม ปัญหาทางสุขภาพ ฯลฯ ซึ่งแต่ละบุคคล ก็มีปัญหาที่แตกต่างกันออกไปครับ เรียกว่าทุกๆ บ้านล้วนมีคำภีร์ที่เข้าใจยากเสมอ ( 家家有本難念的經 ) ดังนั้นต้องเข้าใจถึงรายปัจเจกบุคคลไป และจะต้องแก้ไขแต่ละบุคคลก็แตกต่างกันออกไป ดังนั้นท่านไม่ต้องไปถามคนทั่วไปหรอกครับว่าจะรักษาอย่างไร? ไปพบจิตแพทย์เป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ

เท่าที่บางท่านที่ผมเคยพบเห็น ถ้าเป็นสังคมคนจีนที่อยู่ในประเทศไทย มักจะชอบไหว้เจ้าที่อยู่ตามศาลเจ้าต่างๆ ผมไม่ได้ลบหลู่ความเชื่อของท่านนะครับ เพราะเมื่อก่อนนี้ ตอนคุณแม่ผมยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็มักจะไปหาเทพเจ้าเช่นกันครับ จำได้ว่าสมัยนั้น ที่ไหนเขามีข่าวว่าเทพเจ้าเฮี้ยนมาก ก็จะมีการเข้าทรงเทพเจ้าองค์นั้นๆ เพื่อให้คนไปกราบไหว้บูชา เพื่อเสาะหาที่พึ่งที่สามารถช่วยได้ คุณแม่ผมท่านก็จะดั้นด้นไปหาเช่นกัน 

หรือบางครั้งคิดอะไรไม่ออก ไม่มีเวลาเดินทางไป หรือไกลเกินกว่าจะเดินทางไปได้ ท่านก็จะใช้ไม้เสี่ยงทายที่เป็นไม้ที่ทำมาจากรากไม้ไผ่ ที่เขาผ่าซีกไว้สองซีก ที่ชาวจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “ปัวะโป้ย” โดยเวลาที่ท่านประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว ท่านจะไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน จากนั้นก็จะสอบถามองค์เทพเจ้า ผ่านการเสี่ยงทายด้วยปัวะโป้ยนี่แหละครับ 

โดยถามในสิ่งที่ท่านสงสัยว่าจะรักษาอย่างไรให้หายได้? หรือสิ่งที่ท่านมีความเป็นกังวลอยู่ จากนั้นก็จะโยนไม้ปัวะโป้ยขึ้นไป ให้ตกลงมากับพื้น แล้วดูว่าจะออกมาอย่างไร? ผมเองก็ไม่ทราบหรอกครับว่า การทำเช่นนั้นจะจริงเท็จประการใด? แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือคุณแม่ท่านจะเชื่อว่าเจ้าที่เจ้าทาง ได้บอกหนทางในการกำหนดให้ท่านแล้ว ท่านก็จะมีความสุขใจสุขกายละครับ ในยุคนั้นผมยังเล็กมากๆ จึงไม่เข้าใจอะไรมาก ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ ผมคงต้องบอกให้ท่านไปหาแพทย์เพื่อสอบถาม น่าจะดีกว่านะครับ

ส่วนโรคจิตเภทอันตรายมั้ย? ถ้าตอบแบบไม่ต้องคิด ผมก็เชื่อว่า ทุกโรคที่ผู้สูงอายุได้เป็นอยู่ ไม่ว่าจะโรคเล็กๆ หรือโรคร้ายแรง ย่อมเป็นอันตรายทั้งนั้น ทางที่ดีที่สุด ก็อย่างที่บอกละครับ ว่าพบแพทย์เป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ ในส่วนของโรคจิตเภท ก็มีโอกาสที่เป็นลุกลามต่อไป จนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า โรคอัลไซเมอร์ โรคไบโพล่าร์ โรควิตกกังวล และอีกทั้งโรคอื่นๆ อีกหลายโรค เพราะฉะนั้นจึงเป็นคำตอบที่ต้องบอกว่า ให้ไปพบแพทย์จะเป็นผลดีต่อการรักษาได้ครับ
       
ในขณะที่เราในฐานะผู้สูงวัย ผมเชื่อว่าเราทุกคน มักจะไม่ชอบให้เป็นภาระแก่ลูกหลานหรือคนใกล้ชิดเสมอ สำหรับคนที่มีลูกหลาน ก็จะคิดไปว่าลูกหลานต้องทำมาหากิน ในยุคนี้ทุกคนต้องปากกัดตีนถีบด้วยกันทั้งนั้น ส่วนคนที่ไม่ได้แต่งงาน หรือคนที่ไม่มีลูกหลาน ก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร จะไปพึ่งหลานๆ เขาก็ไม่ใช่ลูกเราโดยตรง นั่นก็เป็นความลำบากนะครับ 

ซึ่งนั่นก็ใช่หรือถูกหมดทุกข้อแหละครับ แต่ถ้าหากมีลูกหลานคอยช่วยเหลือให้แก่ผู้สูงวัย จะเป็นการไม่ปล่อยให้ผู้สูงวัยอยู่ในสภาพที่โดดเดียวเดียวดาย ก็จะมีส่วนช่วยให้ผู้สูงวัยไม่เกิดความเครียดได้ในระดับหนึ่ง โอกาสที่จะเป็นโรคจิตเภท ก็จะน้อยลงได้นะครับ หรือถ้าหากลูกหลานไม่สะดวกในการดูแล 

เราในฐานะผู้สูงวัย ก็สามารถที่จะเสาะแสวงหาสังคมที่เราเองต้องการได้ ว่าจะเป็นสังคมเพื่อนฝูงที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน มีความคิดที่ไม่ห่างกันมากจนเกินไป หรือกลุ่มที่ชอบในเรื่องอะไรที่คล้ายๆ กัน นัดพบปะพูดคุยกัน เช่นนี้ก็จะทำให้เราไม่ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพียงอย่างเดียว หรืออยู่แต่กับคนรับใช้เท่านั้น เพราะบ้างครั้งคนรับใช้ก็ไม่สามารถพูดคุยได้เหมือนลูกหลานได้อย่างสนิทใจ 
         
ในปัจจุบันนี้ ยังมีองค์กรสาธารณประโยชน์อีกมากมาย ให้เราเลือกเข้าไปร่วมสังสรรค์ได้ ไม่ว่าจะเป็นสังคมสโมสรของผู้สูงวัยต่างๆ หรือสังคมสโมสรโรตารี หรือสังคมสโมสรไลอ้อนส์ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งแต่ละแห่ง ก็เป็นที่ศูนย์รวมของคนในหลากหลายสาขาอาชีพ ที่มีอุดมการณ์ที่ใกล้เคียงกัน ที่สามารถเป็นแหล่งพักรวมจิตใจให้เบิกบานได้ นั่นก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง ที่อาจจะทำให้ไม่เกิดความเหงาได้
      
บางท่านอาจจะไม่ชอบสังคม หรือเป็นคนที่รักสันโดษ ชอบเก็บตัวเงียบๆ คนเดียว ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออกอื่นๆ สามารถที่จะหางานอดิเรกอื่นๆ ที่ทำให้ตนเองมีความสุขในโลกของตนเองได้ เช่น คนที่ชอบปลูกต้นไม้ ทำสวน ก็ควรจะหาที่ดินสักแปลงหนึ่ง ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ หรือคนที่ชอบวาดรูป ชอบทำหัตกรรม ก็สามารถใช้เวลาว่างเหล่านั้นทำไปครับ ลูกหลานก็อย่าได้ห้ามท่าน หรือเกรงกลัวว่าผู้สูงอายุจะลำบาก เพราะนั่นจะทำให้ท่านห่างไกลโรคต่างๆ ที่จะตามมา และได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขละครับ