ยลตามช่องมองข้ามช็อต ฉากที่ 2

ท่าน อัลเบิร์ต ไอสไตน์ พูดสะกิดใจว่า “เราไม่สามารถใช้แผนที่เก่าเอามาสำรวจโลกใหม่!”

ถ้าสตาร์ทอัพแบบ ไม่ฟังไม่อ่านไม่ดู  ผลคือ ข้อมูลความรู้ไม่มี เมื่อวิทยาการไม่ดี หัวไม่มีอะไรจะคิด ถ้าสมองมันปิดสวิตช์ ผลคือ ผลิตผลงานไม่ได้ อยู่ไปไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ผลคือ เสียขวัญก็หมดสุข หากว่า ในใจมีความทุกข์ ผลคือ ไม่ฟังไม่อ่านไม่ดู

การศึกษา (Study) แปลว่า การเล่าเรียน ฝึกฝน และ อบรม ไลฟ์สไตล์ จะเน้นไปในแนวทาง การสื่อสารในชั้นเรียนเพื่อเสาะหาความรู้บางสิ่ง การอ่าน จดจำข้อมูล จุดอ่อนอยู่ตรงที่สอนมากกว่าการเรียนรู้ 

บุคคลสายนี้ที่ก้าวหน้าไปไกล เพราะไม่ติดหนุบหนับอยู่กับหลักการและขั้นตอน ใครได้สายนี้มาเป็นแฟนต้องทนรำคาญสักนิด แฟนถาม Dr.Study ว่า “เย็นนี้จะทานไรคะ” Dr.Study จะบัญชาแฟนว่า “เขียนเมนูเอามาให้ดูตามขั้นตอนหน่อยสิ จะได้เลือกให้ถูกหลักการว่ามันสมดุลกันไหม!” (ฮา)

เรียนรู้ (Learn) แปลว่า การเข้าใจความหมาย หรือ ทักษะของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ได้มา ประสบการณ์ช่วยให้สามารถใช้ทักษะจากความรู้นี้ได้ ใครที่เลือกสายนี้มักจะโดนดูแคลนในขั้นต้น น่าแปลกใจที่บุคคลในสายนี้ส่วนใหญ่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ เขาปลูกกล้วยกินเองได้โดยไม่ต้องรอให้ใครมาแจกกล้วย (ฮา)

เมื่อตอนองค์การนาซา (NASA) ทำการเตรียมตัวที่จะส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปบนอวกาศเป็นครั้งเเรก พวกเขาพบว่า ปากกาลูกลื่นธรรมดาไม่สามารถใช้งานในสุญญากาศได้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องลงทุนกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ เเละเวลาอีกกว่าสิบปีในการคิดค้นปากกา ที่สามารถใช้เขียนในสุญญากาศได้ ส่วนประเทศรัสเซียส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปบนอวกาศพร้อมกับดินสอเเท่งเดียว (ฮา) 

ขอเดชะฯ ในฐานะที่ ข้าพระพุทธเจ้า เป็นลูกชาวสวนสมัครเล่น ขอตั้งจิตรำลึกถวายความเคารพ และ ขอพระราชทาน ต่อ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่จะเล่ามุก โครงการสวนเกษตร เพื่อเรียกรอยยิ้มสู้กับสายฝนสักเรื่องหนึ่งว่า ครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์ทรงรถพระที่นั่งไปถึงบริเวณโครงการ ท่านทรงชี้ไปยังกลุ่มกอกล้วยน้ำว้ากอใหญ่ที่ผลิดอกออกปลีมีผลเป็นเครือสวยงามแล้วตรัสสัพยอกว่า“นี่ก็เป็นต้นกล้วยรับเสด็จ ปกติธรรมชาติของกล้วย ดอกหรือผลเขาจะหันไปในทางทิศเดียวกัน แต่กล้วยแปลงนี้ออกลูกได้ในทุกทิศ” (ฮา)  

ขอเดชะฯ ก็ยังดีนะที่พระองค์ไม่ทรงสัพยอกต่อว่า “แปลงนี้พิเศษ เป็นกล้วยน้ำว้าสายพันธุ์แปดทิศ” ผมคุยกับซูเปอร์กูรูผู้ขลุกอยู่กับดงกล้วยก็ได้ความเพิ่มเติมมาว่า มูลเหตุที่ดอก หรือ ผลของต้นกล้วยหันไปในทางทิศเดียวกัน เพราะดอกผลเขาหิวแสงพระอาทิตย์ยามเข้า

“มะนุดสายการศึกษา” กับ “มะนุดสายการเรียนรู้” เห่อออกหน้าออกตากันมานานว่า ใครได้เข้าเรียนสายสามัญถือว่าปราดเปรื่องกว่าสายวิชาชีพ เดี๋ยวนี้อาจจะแผ่วลงก็จริง แต่ตราบใดที่รากเหง้าการดูหมิ่นยังไม่สิ้นเชื้อ ก็ไม่อาจสรุปได้ว่า ความคิดลามกในสายเลือดวิชาการจะสูญพันธุ์ เดายากว่าเขาไม่รู้จริงๆว่ าทั้งสองสายมันต้องไฮบริดติดตั้ง Hard Skill กับ Soft Skill ในแนวคู่ขนานพึ่งพาซึ่งกันและกันเสมอมา 

เพลโต ชี้ว่า “นักปราชญ์พูดเพราะมีบางสิ่งที่จะต้องพูด คนโง่พูดเพราะอยากจะพูดอะไรบางอย่าง!” 

ครูถามนักเรียนว่า “ถ้าเรามีตังค์อยู่สิบบาท เราซื้อขนมลืมกลืนห้าบาท แม่ค้าจะทอนเรามาเท่าไหร่” นักเรียนส่วนใหญ่ตอบพร้อมกันว่า “ห้าบาทครับครู” เด็กชายแทรก ชูมือพูดแทรกขึ้นกลางคันว่า “ไม่ต้องทอนครับครู ผมมีเหรียญห้าพกติดตัวทุกวันเลยครับ!” (ฮา)
 

ขงจื๊อ ท่านเป็น นักปราชญ์ผู้ทรงธรรม ยกเว้น ในกรณีที่เกิดปัญหาจาก “เหตุสุดนิสัยของคนบางคน” ท่านจะให้ความเห็นไว้เป็นพิเศษว่า “คนฉลาดและขยัน ควรส่งเสริมให้เป็นแม่ทัพ คนฉลาดและขี้เกียจ ควรเลี้ยงไว้เป็นทหารฝ่ายเสนาธิการวางแผนอยู่เบื้องหลัง คนโง่และขี้เกียจเก็บไว้ใช้สอยทำงานตามคำสั่งก็พอไหว สำหรับ คนโง่และขยัน ต้องเอาไปตัดหัวทิ้งทันที หาไม่แล้วจะทำให้งานเสีย และ ก่อความเดือดร้อนไม่รู้จบ”

สถาบันการศึกษาใดที่ซบเซา หรือ ล้มเลิกกิจการทั่วโลกมีแนวโน้มว่าสถาบันเหล่านั้น หลงไหลการศึกษาจึงมองข้ามการเรียนรู้ ผมเคยปรารภกับผู้บริหารหลายสถาบันว่า แต่ละคณะที่เปิดสอนควรจะมีกิจกรรมทดลองการประกอบวิชาชีพ จะได้ซักซ้อมเชิงประจักษ์เอาไว้ก่อนที่จะเดินไปสมัครงานหรือ จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเอง ปรากฏว่า หัวก็ไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก ต่างชาติเขาเรียกอาการอย่างนี้ว่าเป็น สถาบันติดเตียง หรือ สถาบันที่ตายแล้ว!

ผมว่า คณะนิติศาสตร์ : รับจ้างให้คำปรึกษาคดีความ! คณะบริหารสาขาบัญชี  : รับจ้างจัดทำบัญชี! คณะมนุษยศาสตร์ : รับจ้างจัดอบรม! อย่าคิดราคาผีดูดเลือด ถ้าสถาบันใดคณะไหนสงสัยว่า จะดิ้นรนอย่างนั้นกันไปทำไม ผมยินดีไปเล่าแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หัวข้อ “การตลาดสายตาสั้น” ทันทีที่มีบัญชา