อาการปวดท้องแบบเฉียบพลันจนแทบจะทนไม่ไหว ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นเพียง “อาหารเป็นพิษ” หรือ “ท้องอืดชั่วคราว” แต่รู้หรือไม่ว่าอาการแบบนี้อาจเป็น “สัญญาณเตือนของภาวะลำไส้บิดขั้ว (Volvulus)” ซึ่งเป็นภาวะอันตรายที่อาจคุกคามถึงชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
“ภาวะลำไส้บิดขั้ว” คือภาวะที่ลำไส้บิดตัวรอบแกนของตัวเอง หรือรอบหลอดเลือดที่มาเลี้ยงลำไส้ ส่งผลให้ลำไส้เกิดการอุดตัน และหากรุนแรงอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอจนเกิด “ภาวะลำไส้ขาดเลือด” ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยด่วน
สาเหตุ : การเกิดภาวะลำไส้บิดขั้ว เกิดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยมีสาเหตุแตกต่างกัน โดยในเด็ก (โดยเฉพาะทารกแรกเกิด) มักเกิดจากภาวะที่ลำไส้ไม่ได้หมุนตัวตามปกติในขณะอยู่ในครรภ์ ทำให้การจัดเรียงลำไส้ผิดปกติ และอาจเกิดร่วมกับความผิดปกติแต่กำเนิดบางชนิดในผู้ใหญ่
ส่วนในผู้สูงอายุ สาเหตุที่พบบ่อย เช่น ลำไส้ส่วนปลายยาวกว่าปกติ (โดยเฉพาะบริเวณซิกมอยด์โคลอน), พังผืดหลังการผ่าตัดช่องท้อง, การตั้งครรภ์ หรือภาวะที่ช่องท้องเปลี่ยนตำแหน่งจนลำไส้เคลื่อนไหวผิดปกติ
ภาวะลำไส้บิดขั้วมักแสดงอาการอย่างเฉียบพลัน และอาการสามารถทรุดลงได้อย่างรวดเร็ว โดยอาการที่ควรรีบพบแพทย์ทันที ได้แก่ ปวดท้องรุนแรงเฉียบพลัน ท้องอืดมาก คลื่นไส้ หรืออาเจียน ไม่สามารถถ่ายอุจจาระหรือผายลมได้ อ่อนเพลีย เหงื่อออก ตัวเย็น หรือมีไข้ ในบางรายอาจมีภาวะช็อกจากลำไส้ขาดเลือด ซึ่งอันตรายถึงชีวิต
เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะลำไส้บิดขั้ว ผู้ป่วยมักต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยอาจต้องทำการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อคลี่คลายการบิดของลำไส้ และฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือดให้กลับมาปกติ หากลำไส้บางส่วนเกิดภาวะขาดเลือดจนเสียหายแล้ว อาจต้องตัดส่วนที่ตายออกเพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน
อาการปวดท้องเฉียบพลันเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเบื้องหลังอาจเป็นภาวะอันตรายที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว การสังเกตอาการและรีบไปพบแพทย์คือสิ่งสำคัญที่จะช่วย “รักษาชีวิต” ของคุณได้
ขอบคุณ : โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
Tricks for Life หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,153 วันที่ 30 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568