แสงสว่างแห่งสันติภาพยังมืดมิด

31 มี.ค. 2567 | 22:00 น.

แสงสว่างแห่งสันติภาพยังมืดมิด คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ช่วงที่ผ่านมาสอง-สามอาทิตย์นี้ เราจะไม่ค่อยได้ยินข่าวความไม่สงบในประเทศเมียนมา เงียบจนหลายคนมีคำถามมาถึงผมว่า หรือนี่จะเป็นสัญญาณของสันติภาพจริงๆ หรือเปล่า? ผมเองก็เริ่มสังเกตดูว่า ก็เอ๊ะ...หรือจะจริงอย่างที่หลายคนสงสัย แต่ในความคิดส่วนตัวผม ด้วยประสบการณ์กว่าสามสิบปีของผมในประเทศนี้ ผมยังไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ง่ายๆ หรอกครับ หนังเรื่องนี้น่าจะต้องดูกันยาวๆ ยังไม่จบง่ายๆ แน่นอนครับ

ยิ่งในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้รับคลิปโต่วยิง(TikTok ของจีน) ผมเห็นภาพงานศพหัวหน้ากองกำลังชนชาติพันธุ์หว้า เป้า หยิ่ว เฉียง ในเนื้อหาบอกว่า ในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา หัวหน้าเป้า หยิ่ว เฉียง ได้เสียชีวิตด้วยวัย 75 ปี เสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกที่เมืองปางคาง เมืองเอกของกลุ่มหว้า ตอนแรกผมก็ตกใจ คิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่พอดูไปดูมาก็ถึงบางอ้อ เพราะภาพที่เห็น คล้ายๆ กับเคยเห็นในคลิปเมื่อปีก่อน จึงได้โทรศัพทฺไปเช็กกับน้องคนหนึ่งเพื่อความแน่ใจ น้องคนนี้ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับกลุ่มกองกำลังนี้อยู่ เขาเห็นภาพคลิปที่ผมส่งไปสอบถาม เขารีบส่ง WeChat กลับมาบอกว่า ไม่เป็นความจริง เป็นการสร้างข่าวเท็จเพื่อทำสงครามจิตวิทยาข่าวสาร ยิ่งเห็นชัดเพราะว่า เมื่อวันที่ 29 ที่ผ่านมา เขายังได้โทรคุยกับคนที่อาศัยอยู่ที่เมืองปางคาง ก็ไม่มีใครพูดถึงงานศพบ้าบอนั้นเลย

ในขณะที่หลายเรื่องที่มีข่าวออกมา เช่น บอกว่า เมืองลาซิว ซึ่งเป็นเมืองเอกทางภาคเหนือของรัฐฉาน ได้ถูกโจมตีจนแตกแล้ว แต่พอผมโทรฯไปหาเพื่อนที่นั่น เขาก็บอกว่า ที่ในเมืองยังไม่มีการสู้รบกันเลย ทุกอย่างเงียบสงบมาก จะมีแต่เพียงเวลากลางคืนอาจจะไม่เหมือนอดีต ที่มีบางถนนมีร้านอาหารคึกคักมาก ปัจจุบันนี้สาเหตุอาจจะเป็นเพราะว่าสภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี นักท่องเที่ยวจากจีนที่เคยเข้ามาเที่ยวกันเยอะๆ ได้หายไป เพราะด่านชายแดนเขาไม่อนุญาตให้เดินทางเข้า-ออกมาง่ายๆ เหมือนอดีต อีกทั้งในหมู่บ้านบางแห่ง อาจจะไม่ค่อยปลอดภัยนัก แต่ในเมืองลาซิวยังคงเงียบสงบดี ดังนั้นถ้าเราได้รับข้อมูลข่าวสารอะไรมา หากไม่ได้มีการยืนยันจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ก็ขอให้ตรึกตรองกันให้ดีเสียก่อน อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ นะครับ

มาถึงเรื่องของความเงียบสงบของข่าวสาร จากการสู้รบกันของชนชาติพันธุ์กับทหารฝ่ายรัฐบาล ช่วงนี้ไม่ค่อยมีข่าวนี้เท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริง หากเราได้เข้าไปดูข่าวจากหนังสือพิมพ์เมียนมาหลายฉบับ หากเป็นหนังสือพิมพ์ที่หนุนรัฐบาล ก็จะเห็นแต่ข่าวดีๆ เช่น มีหน่วยงานสำคัญจากประเทศนั้นประเทศนี้ เข้ามาเยี่ยมเยือนประเทศเมียนมา หรือรัฐมนตรีท่านนั้นท่านนี้ มีโปรเจ็คจะสร้างนั่นทำนี่ หรือช่วงนี้ก็จะมีข่าวเรื่องการจัดงานเต็งจ่าน (สงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ของเมียนมา) ที่ทางการเมียนมาจะจัดขึ้นที่กรุงเนปิดอร์ ซึ่งปีนี้ทางรัฐมนตรีแรงงาน เป็นแม่งานในการจัดเทศกาลเต็งจ่านที่ยิ่งใหญ่มาก มีการแสดงดนตรีกลางแจ้งบนเวทีการเล่นน้ำ และยังได้เชิญศิลปิน K-pop บินตรงมาจากเกาหลีใต้ มาสร้างความบันเทิงให้ชาวเมียนมาถึงที่เลยครับ

ส่วนข่าวจากอีกฝากฝั่งหนึ่ง คือฝั่งต่อต้านรัฐบาล ก็จะเห็นแต่ข่าวการยิงถล่มหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้ ที่สังเกตเห็นส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านแถบรัฐกระหยิ่น(กระเหรี่ยง) หรือไม่ก็รัฐฉานตอนบนและรัฐยะไข่ เป็นต้น และอีกข่าวหนึ่ง คือข่าวการประหารชีวิตนักโทษการเมืองบางคน ซึ่งส่วนตัวผมที่เห็นข่าวและชื่อของนักการเมืองคนดังกล่าวแล้ว ต้องยอมรับว่าผมไม่รู้จักเลยจริงๆ ครับ อาจจะเป็นเพราะว่าความรู้ผมน้อยไปหน่อย แต่ถ้าจะมองอีกมุมหนึ่ง นักการเมืองคนดังกล่าวอาจจะไม่เป็นที่รู้จักก็ได้ จะเห็นว่าข่าวที่ออกมาทั้งสองฝั่ง ตัวผู้เสพข่าวเอง จะต้องใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวครับ

ส่วนที่มองว่าทำไมในประเทศเราจึงไม่ค่อยจะมีข่าว จึงทำให้ผู้คนเห็นว่าทำไมข่าวของประเทศเมียนมาเงียบจัง สงสัยว่าน่าจะใกล้สันติภาพแล้วกระมัง? ผมคิดว่าเหตุผลหลัก อาจจะเป็นเพราะว่าข่าวสารในประเทศไทยเราเอง ที่มีข่าวการเมืองภายในประเทศที่สร้างความสนใจให้แก่ผู้คนมาก หรือข่าวเรื่องราวของตำรวจใหญ่ ที่ทำให้ดึงความสนใจจากผู้คนไปหมด แน่นอนว่านักข่าวทุกสำนัก เขาก็จะเลือกตีข่าวที่ผู้คนสนใจ มาเสริฟให้ผู้เสพข่าว เพื่อแย่งชิงเรตติ้งของการเสพข่าว เพราะนั่นเป็นอาชีพของเขา ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมข่าวของเมียนมาจึงเงียบไป 

อย่างไรก็ตาม ในความคิดส่วนตัวผม ผมคิดว่าคลื่นใต้น้ำที่เป็นคลื่นระลอกใหญ่ ยังไม่ได้ปรากฏให้เห็น ก็ไม่ใช่ว่านั่นแสดงว่าทะเลสงบแล้ว ผมยังเชื่อว่า ตราบใดที่ฝ่ายใดก็ตาม ไม่ได้มีชัยชยะอย่างเด็ดขาด ก็ยากที่จะมีการเจรจาสันติภาพ เหตุผลเพราะฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเอง ก็มีกองกำลังชนชาติพันธุ์หลากหลายกลุ่ม เอาเป็นว่าเสียงส่วนใหญ่ของกลุ่มต่อต้าน ก็ยังไม่สามารถรวมกันได้อย่างเด็ดขาด ด้านฝ่ายรัฐบาลเอง การปราบปรามก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะไม่เพียงแต่มีปัจจัยภายนอกหนุนหลังฝ่ายต่อต้านเท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆที่หนักหนาสาหัสรอให้รัฐบาลไปแก้ไขอยู่ ดังนั้นผมจึงมองว่า หนังเรื่องนี้ ยังไม่ปิดฉากได้ง่ายๆ หรอกครับ