svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

การเงินดิจิทัลและแรงงานนอกระบบ

21 เมษายน 2565

การเงินดิจิทัลและแรงงานนอกระบบ : คอลัมน์เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ โดย ผศ.ดร.ขนิษฐา แต้มบุญเลิศชัย คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ดร.ขวัญตา หมั่นวิชาชัย ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เล็ทสเคป จำกัด หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,776 หน้า 5 วันที่ 21 - 23 เมษายน 2565

แรงงานนอกระบบและเศรษฐกิจนอกระบบ มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวมของไทยเป็นอย่างมาก จากการประมาณของ Medina and Schneider (2018) พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วเศรษฐกิจนอกระบบของไทยมีมูลค่าสูงถึงร้อยละ 50.6 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

 

จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในปี  2564 ผู้มีงานทำในประเทศไทย จำนวน 19.6 ล้านคน(ร้อยละ 52) เป็นผู้มีงานทำที่ไม่ได้รับความคุ้มครองหรือไม่มีหลักประกันทางสังคมจากการทำงาน หรือที่เรียกกันว่า“แรงงานนอกระบบ” นั่นเอง โดยในจำนวนนี้มี 8.3 ล้านคนทำงานอยู่ใน ภาคบริการ การค้า และการผลิต และจำนวน 11.4 ล้านคนทำงานอยู่ในภาคเกษตรกรรม

 

ปัญหาหนึ่งที่แรงงานกลุ่มนี้ประสบ คือ การเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน โดยเฉพาะบริการจากสถาบันการเงินที่กำกับดูแลโดยหน่วยงานภาครัฐ (สถาบันการเงินในระบบ เช่น ธนาคารบริษัทสินเชื่อ บริษัทประกันภัย เป็นต้น) ส่งผลให้ต้นทุนในการทำธุรกรรมทาง การเงินของแรงงานกลุ่มนี้สูงกว่าแรงงานในระบบ 

 

อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงกว่าจากการใช้บริการจากผู้ให้บริการการเงินนอกระบบ  จากสถานะการทำงานที่ไม่ได้รับความคุ้มครองหรือไม่มีหลักประกันทางสังคมจากการทำงาน ประกอบกับข้อมูลรายได้ที่พบว่า กลุ่มแรงงานนอกระบบมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนเพียง 6,853 บาท เทียบกับรายได้เฉลี่ย 15,154 บาทของกลุ่มแรงงานในระบบ  จะเห็นได้ว่าแรงงานกลุ่มนี้ซึ่งเป็นจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในประเทศไทยเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางทางการ เงินค่อนข้างมาก 

 

จากการสำรวจแรงงานนอกระบบในเขตกรุงเทพและปริมณฑลจำนวน 400 คน ซึ่งผู้เขียนได้รับทุนสนับสนุนจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา พบว่าบริการสินเชื่อเป็นบริการที่แรงงานกลุ่มนี้เข้าไม่ถึงมากที่สุด โดยร้อยละ 33.2 เป็นผู้กู้ยืมเงินจากแหล่งเงินนอกระบบ  

 

การเงินดิจิทัลและแรงงานนอกระบบ

 

 

จากข้อมูลการสัมภาษณ์พบว่า อุปสรรคสำคัญที่ทำให้แรงงานกลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงบริการของสถาบันการเงินในระบบได้นั้น เนื่องมาจากการมีรายได้น้อย และการขาดหลักฐานรายได้ที่เป็นที่ยอมรับของสถาบันการเงินในระบบ เช่น สลิปเงินเดือน 

 

นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจผลิตภัณฑ์ทางการเงินและเงื่อนไขการใช้บริการ การมองว่าบริการของสถาบันการเงินในระบบมีขั้นตอนและการใช้เอกสารจำนวนมาก เข้าถึงยาก ประกอบกับแรงงานกลุ่มนี้ไม่มีเวลาที่จะเข้าไปติดต่อขอรับบริการ การอนุมัติช้าก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้แรงงานในกลุ่มนี้หลายคนเลือกใช้บริการแหล่ง เงินกู้นอกระบบ ที่เข้าถึงง่ายกว่าและรวดเร็วกว่า ถึงแม้ว่าจะต้องรับภาระดอกเบี้ยที่สูงกว่าและเสี่ยงต่อการทวงหนี้ด้วยวิธีที่รุนแรงก็ตาม  

 

การเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่สามารถนำมาใช้ในการลดต้นทุนการใช้บริการทางการเงินของ กลุ่มแรงงานนอกระบบ ทำให้แรงงานกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของสถาบันการเงินในระบบมากขึ้น  

 

จากการสำรวจของผู้เขียนพบว่า แรงงานนอกระบบในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีการใช้งานการเงินดิจิทัลสูงถึงร้อยละ 86 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการใช้งานในลักษณะการโอนเงินหรือ จ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคาร และกระเป๋าเงินดิจิทัล (e- wallet) (ภาพที่ 1)  

 

 

การเงินดิจิทัลและแรงงานนอกระบบ

 

 

นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีแพลต ฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่เชื่อมผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการที่เป็นแรงงานนอกระบบเช่น แพลตฟอร์มจ้างแม่บ้าน ช่างซ่อมบำรุง บริการรับ-ส่งอาหารและสิ่งของ ฯลฯ  ซึ่งข้อมูลจากธุรกรรมทางการเงินออนไลน์และข้อมูลรายได้จากแพลต ฟอร์มต่างๆ สามารถใช้ในการประเมินความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของ แรงงานนอกระบบได้ทดแทนข้อมูลจากสลิปเงินเดือน   

 

ณ ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ได้ปลดล็อคให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุมัติสามารถใช้ข้อมูลทางเลือกหรือข้อมูลหลายประเภทเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลได้ โดยผู้ประกอบ ธุรกิจรายแรกได้รับอนุมัติในช่วงต้นปี พ.ศ. 2564 และ ณ เดือนมีนาคม 2565 มีผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับการอนุมัติจากธปท. เพื่อให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลรวมทั้งสิ้น 9 ราย

 

จากแนวโน้มการเติบโตของการเงินดิจิทัลในต่างประเทศ แรงกดดันจากสถานการณ์การระบาดของโรค
โควิด-19 ประกอบกับแพลตฟอร์มทางการเงินในไทยที่เกิดขึ้นจำนวนมากทั้งใช้งานทางแอปพลิเคชั่น ใช้งานผ่านคิวอาร์โค้ด หรือใช้งานทางโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในไทยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด

 

การให้บริการการเงินดิจิทัลในรูปแบบสินเชื่อจึงเป็นรูปแบบการให้บริการที่น่าจับตามองว่าจะสามารถทำให้แรงงานนอกระบบที่มีอยู่เกือบ 20 ล้านคนทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตรงตามความต้องการในอัตราค่าบริการที่ถูกลงได้หรือไม่ ทั้งนี้ผู้ให้บริการการเงินดิจิทัลรูปแบบสินเชื่อจึงควรทำความเข้าใจความคาดหวัง และความต้องการแรงงานกลุ่มนี้ เพื่อคำนึงถึงวิธีและรูปแบบที่เข้าถึงได้อย่างเหมาะสม