*** ไม่มีใครชี้ชัดได้ว่า การเลือกลงทุนท่ามกลางปัจจัยภายนอก ที่ควบคุมไม่ได้ จะได้ผลตอบแทนดีที่สุด ดังนั้นการเลือกที่จะ “ไม่ลงทุน” เป็นอีกหนึ่งในรูปแบบของ “การลงทุน” ความเสี่ยงที่มี ก็แค่การเสียโอกาสบ้างนิดหน่อยเท่านั้น
หุ้นธนาคารใหญ่ KBANK BBL และ SCB ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจ การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ที่น่าจะออกมาอย่างน้อย 0.25-0.50% ในสัปดาห์นี้ จะกดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อสูงที่สุดในรอบ 13 ปีของไทย อาจจะกดดัน กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะเวลาอันไกลนี้ตามมา ดังนั้น เจ๊เมาธ์จึงคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างกลุ่มธนาคารใหญ่เหล่านี้ ว่ายังคงน่าลงทุนอยู่มากนั่นเอง
*** เรื่องหุ้นลงแรง อย่าง A5 ยังไม่จบ เพราะยังมีผู้เล่นหลายกลุ่มที่เจ๊เมาธ์ยังไม่ได้พูด ไม่ว่าจะเป็น แก๊ง ป.ปลาดุก ณ หาดใหญ่ ที่อาละวาด ระรานหาความชอบธรรมให้กับพวกตัวเอง ที่เอาหุ้นไปหลอกขายนักลงทุน ราคา 8-9 บาท อิ๊บหายไปหลายราย
ช่วงนี้ แก๊ง ป.ปลาดุก สายดำ ลุกจากหลุม ทำหุ้นหลายตัว เพราะมีพี่ใหญ่ ว. เจ้าของค่ายบล.หนึ่งที่เป็น FA เป็นคนแจกหุ้น คอยรั้งท้าย ให้ “ป.ปลาดุก” ใช้แอบอ้างว่าเป็นลูกน้อง FA รายนี้ ใช้เพจในมือแชร์ไปยังช่องทางโซเซียลต่างๆ สังเกตไม่ยาก เชียร์หุ้นตัวเดียวกันในเวลาเดียวกัน อย่างพร้อมเพรียงกัน
เรียกว่า “โหมกระหน่ำเชียร์” เปิดหน้า ท้าชก ไม่เกรงกลัว ก.ล.ต. ที่ยังนั่งหน้าสวยๆ ไม่ทุกข์ร้อนกับแก๊ง ป.ปลาดุก ออกมาหลอกหลอนนักลงทุน หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสีแสบสัน, หุ้น A5 และ ยังหุ้นป้ายุพา, หุ้นขนส่ง หุ้นลีสซิ่ง รวมไปถึงหุ้นใหม่ในกลุ่มใบไม้ ที่กำลังจะเข้าซื้อขาย ว่ากันว่า แก๊งนี้ วิ่งหาสื่อ ดึงมาเป็นพันธมิตร หาความชอบธรรมให้กับพรรคพวก ช่วยขยายช่องทางการประโคมข่าว เวลา “ทำหุ้น”
ยังไงก็ตาม เรื่องแบบนี้ต้องมองไปถึงผู้คุมกฎ (Regulator) ที่ลอยตัวอยู่ด้วยว่า ควรจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบบ้างสักนิด เพราะถ้ามีกติกาที่ชัดเจน...ไม่มั่ว และไม่งมอยู่กับการใช้วิจารณญาณแบบที่ไม่มีมาตรฐานรองรับแบบที่ทำมาตลอด การปล่อยผีร้ายจากหลุม ออกมาอาละวาดหลอกหลอน แบบนี้ ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน...หลังจากที่ราคาหุ้นของ A5 ร่วงลงมาต่ำกว่า 2 บาท ก็อาจมีนักลงทุนหลายคนมองว่า เป็นโอกาสที่จะเข้าไปเล่นเก็งกำไร
แต่สำหรับเจ๊เมาธ์กลับมองว่า จังหวะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปเสี่ยง อย่างแรกเป็นเพราะว่า ยังมีนักลงทุนที่ติดดอยเป็นจำนวนมากพร้อมที่จะขายหุ้นออกมา เพื่อตัดการขาดทุนอยู่ในทุกจังหวะที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
อย่างที่สองคือ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีราคาต้นทุนที่ต่ำว่าราคาหุ้นหน้ากระดาน พร้อมจะขายหุ้นเพื่อทำกำไรระยะสั้น รวมถึงเพื่อกดหุ้นเอาของถูกอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น หากคิดที่จะเข้าไปเล่นเก็งกำไร เจ๊เมาธ์ยังมองว่า จังหวะนี้ยังไม่ใช้จังหวะที่เหมาะสม แต่ถ้าจะถือยาว...ไปจนถึงยาวมากก็อาจจะพอได้เจ้าค่ะ
อีกเรื่องที่เจ๊เมาธ์ ขอให้ ก.ล.ต. เข้าตรวจสอบบทวิเคราะห์ A5 บล.ค่ายดังระดับสถาบัน ทำออกมาให้ราคาสูงโด่ง 13 บาท เจาะลึกลงไป นักวิเคราะห์ที่ทำ ไม่รู้เป็นเครื่องมือให้กับใครหรือเปล่า บทวิเคราะห์นี้จึงกลายเป็นเครื่องมือให้ แก๊งปั่นหุ้น A5 ใช้เชียร์หุ้น จนน่าเกลียด ยังงัยละเจ้าค่ะ
*** สำหรับหุ้นเคยแรงอย่าง DELTA เจ๊เมาธ์มองว่า รอบนี้อาจจะต้องถอยลงไปตั้งรับที่ราคาต่ำกว่า 300 บาท โน้นเลยทีเดียว เพราะนอกจากที่เจ๊เคยบอกว่าการหลุดออกจาก SET50 SET100 จะทำให้หุ้นตัวนี้เริ่มขาดสภาพคล่องเพราะไม่มีการเล่นเก็งกำไรจาก DW จะทำให้ราคาหุ้นของ DELTA ปรับราคาลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ยังมีเรื่องของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่จะทำให้ระบบ Supply Chain ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลก กลับมามีปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบอีกครั้ง เนื่องจากทั้งรัสเซียและยูเครนต่างก็เป็นประเทศผู้ส่งออกสินแร่สำคัญรายใหญ่ที่ใช้ผลิตชิปเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง ดังนั้น อาจจะต้องมองข้ามไปก่อนชั่วคราวสำหรับตอนนี้...เอาไว้ทุกอย่างเข้าที่แล้วค่อยกลับมามองกันอีกทีก็ยังไม่สาย หุ้นดีๆ ยังมีให้เลือกเล่นได้อีกหลายตัวค่ะ
*** BWG ก็เป็นหุ้นอีกตัวที่บอกมาตลอดว่า หุ้นตัวนี้น่าจะมีปัญหา ยิ่งถ้าเข้าไปดูกราฟหุ้นแล้วก็จะเห็นว่ามีการลากแล้วตบ ลากแล้วตบมาตลอด ขณะเดียวกันในแต่ละจังหวะของการลากก็จะมีข่าวเรื่องการเทคโอเวอร์ ...เรื่องของการเข้าไปจับธุรกิจใหม่ๆ ให้นักลงทุนเคลิ้มตามได้ตลอดเวลา เอาเป็นว่าถึงตอนนี้ในกลุ่มคนทำราคาของ BWG ยังเป็นแก๊งเดิมๆ นำโดยเจ๊มีสีที่ยังทำตัวเป็นปลิงคอยดูดเลือดเอาจากนักลงทุนที่เล่นหุ้นตัวนี้อยู่เหมือนเดิม ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า เกมการลากแล้วตบแบบนี้ ก็จะยังอยู่กับหุ้นตัวนี้ต่อไปอีกนานเหมือนกัน ไม่มีใครรวยจากหุ้นปั่นนอกจากเจ้ามือเท่านั้นนะคะ เอาเป็นว่าเจ๊เมาธ์ฝากเตือนไว้อีกรอบก็แล้วกันค่ะ
*** เจ๊เมาธ์มองว่าหุ้นเดินเรื่องอย่าง RCL PSL และ TTA ปรับราคาลงแรงแบบนี้ก็อาจจะเป็นโอกาสที่จะได้เก็บหุ้นในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป เพราะแม้แนวโน้มการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน จะมีความคืบหน้าจนทำให้ความกังวลเรื่องต้นทุนการขนส่ง ที่ต้องเดินทางอ้อมทั้งรัสเซียและยูเครน จะปรับลงไปบ้าง และแม้ว่าจะดีมากจนสงครามจบลง แต่เจ๊เมาธ์เชื่อว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะเส้นทางการขนส่งสินค้า เจ๊เมาธ์จึงมองว่า ค่าระวางเรือซึ่งเป็นแหล่งรายได้ของหุ้นในกลุ่มนี้จะยังคงสูงต่อไปจนถึงปลายปี 65 เป็นอย่างน้อย ซึ่งนั่นก็จะทำให้ทั้ง RCL PSL และ TTA ยังสามารถขยับราคาขึ้นไปอีกได้พอสมควร ดังนั้นหุ้นกลุ่มนี้ยังคงเล่นได้ ถ้าได้จังหวะดีๆ ก็จับไปเลยค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,766 วันที่ 17 - 19 มีนาคม พ.ศ. 2565