กินทอง

22 ม.ค. 2565 | 05:23 น.

คอลัมน์อิ่ม_โอชาฯ โดย Joie de La Cuisine

คนเราลงริจะทำบาปเข้าแล้ว ก็จงทำมันไปให้สุดทาง 55


เช่นว่าวันนี้อยากจะบริโภคเนื้อสัตว์น้ำใหญ่อันสดคาว โลหิตไหลโชกๆเนืองนองโดยการเจาะสมองคว้านเส้นประสาทมันแล้วก็พักไว้ ให้มันบ่มตัวมันเองชั่วระยะเวลาหนึ่ง จึงเอามีดคมๆเฉือนฝานเถือแล่มันออกมา จะกินด้วยน้ำปลาถั่ว_โชวยุ เจือหัวมัสตาร์ดเขียววาซาบิขูดหนังปลาฉลาม

ก็ควรจะเอาเกล็ดเปลวทองคำติดเข้าหน่อยให้หายเขิน เติมธาตุทองเข้าในตัว คีบขึ้นมาเอามาจิ้มเข้าเครื่องอันนั้น บีบมะนาวนิด ปลาอันสดเนื้อละเอียดมันย่องนั้นก็จักค่อยเคลื่อนคลาเอร็ดปากอร่อยฟัน

 
ชโลมคอเสียด้วยไวน์ขาวในสกุลน้ำนมพระแม่ อย่างคุณแม่ชี ซึ่งนุ่งห่มจีวรหม่นหมองสีน้ำเงิน ทว่าเมรัยที่ท่านประดิษฐ์นั้นไซร้มันช่างวาววาบ วิบวับ ด้วยเมรัยองุ่นขาวแห่งท่านนี้เจืออณูทองคำเอาไว้ทุกหยาดหยด เข้ากันดี๊ดี

อันว่าทองเกล็ดทองเปลวนี้ บ้านเราบ้านเขาถือหนักหนา ว่าต้องเอาก้อนทองคำแท้ มาตีแผ่เสียด้วยค้อนไม้ ในกลักอันทำมาจากหนังกวาง
 

การทุบทองโป๊กเป๊กๆจนเปนทองเปลวขึ้นมานั้น กรุงเทพทำกันแถวบ้านพานถม ในขณะที่พม่าทำกันมากที่มัณฑะเลย์ เขามีการเอาเกล็ดทองเปลวลอยน้ำรอไว้ให้คนซื้อเอาไปผสมเเชมเปญกินด้วยนา
 

ปลาดิบอย่างท้องโทโร่นี้ คำแรกกินทองต่อทองแล้ว คำที่สองต่อมาควรแนมด้วยไชเท้าขูด เพื่อรสชาติสดรื่น และล้างพิษโซเดียมในน้ำปลาถั่ว คำที่สามจึงควรกินแนบเจ้าใบโอบะเขียวหยัก มันจักฉุนซ่าพาให้อยากจ่ายตังค์เพิ่มสำหรับคำที่สี่!


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 18 ฉบับที่ 3,751 วันที่ 23 - 26 มกราคม พ.ศ. 2565