เมื่อไม่กี่วันก่อน หลายๆ ท่านคงจะมีคนได้รับคลิปจากเพื่อนที่ส่งมาให้ ที่พูดถึงบ้านพักคนวัยเกษียณของประเทศจีนมาแล้วก็ได้ ซึ่งผมเองก็ได้เปิดดูวีดีทัศน์อันนั้นแล้ว ต้องบอกว่าสิ่งที่ผมได้ไปเห็นมา ไม่ได้แตกต่างจากภาพที่ปรากฏในคลิปนั้นสักเท่าไหร่เลย หรือบางครั้งก็ไม่อยากจะพูดว่า ยังดีกว่านั้นด้วยซ้ำไปครับ
อันที่จริงวิวัฒนาการของบ้านพักผู้สูงวัยวันนี้ ได้ก้าวหน้าไปไกลมากแล้วครับ ผมก็ยังเชื่อว่า อีกไม่นานเกินรอ ทุกอย่างจะถูกทรานฟอร์มใหม่หมด เราคงจะหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบคอมพิวเตอร์หรือไอทีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์มากขึ้นทุกวัน ดังนั้นคนที่ไม่ยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และไม่ยอมปรับตัวเข้าไปเรียนรู้วิธีการใช้งานของระบบ ก็คงต้องถูกยุคสมัยผลักให้ไปอยู่แถวหลังของชีวิตมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัยครับ
ในโลกยุคใหม่นั้น เราเองก็ได้รับรู้จากการเปลี่ยนแปลงมาไม่มากก็น้อย เช่นโทรศัพพ์ที่เปลี่ยนมาเป็นระบบต่างๆ มากมาย จนบางครั้งคนแก่ๆ อย่างผม ในฐานะของอาจารย์ที่สอนหนังสือนักศึกษา ที่จำเป็นต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับคนหนุ่มสาวอยู่ตลอดเวลา ยังมีความรู้สึกว่าจะต้องไปเรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ อีกเยอะแยะ
ส่วนระบบการเงิน-การธนาคารที่เปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน ก็ยังดีนะครับที่ผมไปสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัย แต่ผมไม่ได้รับการมอบหมายให้สอนวิขาเศรษฐศาสตร์การเงิน มิเช่นนั้นคงต้องไปเรียนรู้ระบบเงินแบบใหม่ๆ เช่น ระบบคริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) หรือเงินตราที่ใช้รหัสลับ ที่เป็นทรัพย์สินดิจิทัล ที่เป็นสิ่งใหม่ๆ กำลังจะเข้ามาทรานฟอร์มระบบเงินที่เป็นธนบัตรที่พวกเราใช้ๆ กันอยู่ ผมคงจะต้องกลับไปเรียนรู้อีกเยอะเลยทีเดียวครับ
แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของการดูแลผู้สูงอายุ ก็ยังคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันยุคทันสมัยอยู่ดีครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฮาร์ดแวร์ หรืออุปกรณ์การใช้งานในบ้านพักผู้สูงวัย ที่ในปัจจุบันนี้หากเราได้ไปร่วมเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าเพื่อสุขภาพที่ประเทศญี่ปุ่น เราจะเห็นว่าทุกๆ ปีจะมีอุปกรณ์ใหม่ๆ มาแสดงในงานเสมอ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัยจะเดินเหิน นั่งนอน ล้วนแล้วแต่มีเครื่องไม้เครื่องมือมาแสดงให้ดูถึงประสิทธิภาพการใช้งานแบบใหม่ๆ เสมอ
ที่ผมเห็นมาในหลายปีก่อน สิ่งใหม่ๆ ก็มีระบบติดตามตัวข้อมืออีเล็คโทนิคโดยใช้คอมพิวเตอร์มาเป็นตัวบังคับ ซึ่งเป็นการบอกเล่าอาการป่วยและสุขภาพของผู้ที่สวมใส่ อีกทั้งยังช่วยสื่อสารไปที่โรงพยาบาลและแพทย์โดยตรงเลย เรียกว่าไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ไหนๆ ก็ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และพยาบาลตลอดเวลาอีกด้วย ซึ่งในปีที่ผมไปเห็นมานั้น ผมเองก็คิดว่านี่เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ แต่นี่ก็สามปีแล้วที่ไม่ได้เดินทางไปญี่ปุ่น ผมเชื่อว่าคงจะมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีกเยอะแยะอย่างแน่นอนครับ
ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมก็เชื่ออีกว่าวิวัฒนาการด้านสุขอนามัย คงต้องมีการก้าวหน้าต่อไปอีกอย่างไม่หยุดยั้ง และจะต้องเข้ามาสู่สังคมไทยอย่างไม่ต้องสงสัยครับ สิ่งที่จะเห็นก่อนเป็นอันดับแรก คือโรงพยาบาลระบบอีเล็คโทนิค ที่ใช้ IT เข้ามาช่วยดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยได้ เหตุผลที่ผมเชื่อเช่นนั้น เพราะในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้คนไทยเรา Work At Home กันเสียเป็นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งแพทย์ก็พยายามใช้ระบบออนไลน์มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย จะเห็นว่าก็สามารถทำได้ดีมากพอๆ กับการออกตรวจเองเลยครับ
ดังนั้นในปัจจุบันนี้ ก็มีบริษัทไอทีหลายค่าย ได้มีการสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ขึ้นมารองรับการแพทย์แผนใหม่ ซึ่งเรียกว่า Telemedical ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผมเห็น จะใช้กับเรื่องของเภสัชการเสียเป็นส่วนใหญ่ คิดว่าอีกไม่นานเกินรอ เราคงได้เห็นภาพของการพัฒนาระบบเหล่านี้ ให้มารองรับเรื่องของการรักษาพยาบาลมากยิ่งขึ้น และถ้าจะให้ล้ำไปกว่านั้น เราคงได้เห็นโรงพยาบาลที่ไม่ต้องมีเตียงคนไข้มากจนเกินไป บางส่วนหากผู้ป่วยยังไม่ถึงขั้นจำเป็นจริงๆ หมออาจจะให้ผู้ป่วยพักรักษาตัวที่บ้าน แล้วก็ใช้การรักษาด้วยระบบออนไลน์ หรือในการดูแลรักษาเบื้องต้นก็สามารถทำได้เลย ประหยัดทั้งเวลาและประหยัดทั้งเงินก็เป็นไปได้ครับ
ในส่วนของบ้านพักผู้สูงวัยนั้น หากผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องไม่อยากจะห่างบ้านหรือติดลูกหลาน ก็สามารถใช้ระบบไอทีเข้ามาแก้ไขปัญหาได้ โดยไม่ต้องมาพักที่บ้านพักคนวัยเกษียณ นอกเสียจากคนที่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนฝูงหรือคนหมู่มาก หากมาพักที่บ้านพักผู้สูงอายุน่าจะมีชีวิตชีวามากกว่าอยู่ที่บ้านคนเดียว แต่บางคนอาจจะชอบชีวิตที่อยู่ที่เดิมๆ ก็มีครับ “ลางเนื้อชอบลางยา” ดังนั้นคนที่อยู่ที่บ้านตนเอง ก็ต้องอาศัยระบบไอทีเข้ามาทำการดูแล เพียงแค่เปิดกล้องในโทรศัพพ์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ ก็สามารถได้รับการดูแลได้เหมือนปกติครับ
นี่คือโลกของความเป็นจริง คนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเอง อนาคตอาจจะก้าวไม่ทันเพื่อนๆ ก็เป็นไปได้นะครับ ตราบใดที่โลกไม่หยุดหมุน วิวัฒนาการและการพัฒนาก็ยังคงเดินหน้าตลอดไม่หยุดนิ่งเช่นกันครับ