ของขวัญปีใหม่ 2566 ไม่ปัง

21 ธ.ค. 2565 | 04:05 น.

บทบรรณาธิการ

ครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อนุมัติ มาตรการที่เรียกว่าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ในวาระก้าวสู่ปี 2566 ในการประชุม เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2565 เหลือการประชุมอีก 1 นัดก่อนสิ้นปี 2565 ที่เต็มไปด้วยความยากลำบากในทางเศรษฐกิจ ปากท้อง ที่ประเทศไทยเผชิญผ่านมา และได้รับผลพวงผลกระทบ มาจากเหตุการณ์ภายนอกทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน เศรษฐกิจสหรัฐที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง มีการไล่ขึ้นดอกเบี้ย เป็นปัจจัยให้เงินทุนไหลเข้า-ออก ปั่นป่วน รวมทั้งผลกระทบภายหลังสถานการณ์โควิดระบาดรุนแรง  
 

สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ เผชิญเงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจขยายตัวได้เล็กน้อยเพียงแค่ 3% ประชาชนแบกภาระหนี้สินจำนวนมาก ช่องทางการหารายได้ตีบตัน ค้าขายฝืดเคือง ในระดับฐานราก สินค้าเกษตรราคาไม่กระเตื้อง 
 

รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง จำนวนคนจนทั้งในเมืองและในชนบทเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นโดยตลอด สะท้อนกำลังซื้อของประชาชนยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก 
 

ครม.เห็นชอบมาตรการของขวัญปีใหม่ ในรายการ “ช้อปดีมีคืน 2566” โดยกระทรวงการคลัง จะเปิดให้ประชาชน นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการ มาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง วงเงินสูงสุด 40,000 บาทต่อคน ระยะเวลาใช้จ่ายตั้งแต่ 1 มกราคม -15 กุมภาพันธ์ 2566 รวมระยะเวลา 46 วัน ในสินค้าทั่วไป 
 

ยกเว้นค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ รถยนต์ จักรยานยนต์ เรือ ค่าที่พักโรงแรม ค่าไกด์นำเที่ยว ค่าสาธารณูปโภค ค่านํ้าประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต ซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 66 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 ก.พ. 66 และค่าเบี้ยประกันวินาศภัยประเมินสูญเสียภาษี 8 พันล้านบาท มีเงินสะพัด 5.6 หมื่นล้านบาท  
 

ครม.ยังต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียม การโอนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงสิ้นปี 2566 ในราคาสินทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้บ้าง และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมขึ้นได้จากธุรกิจสาขานี้ที่ผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปสู่ธุรกิจอื่น   
 

รัฐบาลตีกลับมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5” โดยเพียงแค่รับทราบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งบูสเตอร์ ช็อต และ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เท่านั้น รัฐบาลจะสนับสนุนงบให้ได้ 4 พันล้านบาท จากที่กระทรวงท่องเที่ยวขอ 8.4 พันล้านบาท    เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ  
 

เป็นที่ชัดเจนรัฐบาลไม่อนุมัติและไม่มีแนวคิดในการทำโครงการ “คนละครึ่งเฟส 6” แล้ว โดยรัฐมนตรีคลังยืนยันด้วยตัวเอง โครงการคนละครึ่ง เฟส 6 ไม่มีอีกแล้ว เพราะกำลังซื้อคนกลับมาแล้ว ซึ่งการประเมินของกระทรวงการคลังอาจแตกต่างอยู่บ้างกับสถานการณ์จริงที่ประชาชนเผชิญอยู่  
 

มาตรการของขวัญปีใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายปี เพื่อสร้างแรงส่งไปยังปี 2566 ดูเหมือนว่าเป็นมาตรการที่ไม่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในทางเศรษฐกิจได้มากนัก หรือ แม้กระทั่งในทางการเมืองที่หวังจะเป็นมาตรการครองใจประชาชน 
 

ก็ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีพอ อาจจะต้องกลับไปทบทวนใหม่ หรือ คิดมาตรการใหม่กระตุ้นให้ตรงจุดมากว่าที่อนุมัติกันไปในสัปดาห์นี้