‘ศัลยกรรม’ โตแรง ทะลุ 7.2 หมื่นล้าน จับตาปี 67 รพ.ดังแห่ลงทุนชิงลูกค้า

17 ธ.ค. 2566 | 08:00 น.

ธุรกิจศัลยกรรมไทยพุ่ง 7.2 หมื่นล้าน “รพ.บางมด” ชี้ 4 เทรนด์ฮิต “ดึงหน้า-ทำหน้าอก-ดวงตา-จมูก” เจาะกลุ่มลูกค้า Luxury “เกษมราษฎร์” เล็งตั้งศูนย์พลาสติก เซอร์เจอรรี่ เพิ่ม 2 - 4 สาขา ด้าน “รพ.เอกชล” ผนึกทุนเกาหลีให้บริการ “Wellndss & Plastic Surgery”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการ “ศัลยกรรม” กลายเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้นและเปิดกว้างสำหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งหัตถการเพื่อการรักษาและเพื่อเสริมความงาม ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามไทยปี 2566 จะมีมูลค่า 7.1-7.2 หมื่นล้านบาท แม้มูลค่าดังกล่าวจะยังไม่เท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แต่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการคาดการณ์ทั่วโลกว่าอุตสาหกรรมนี้จะโตขึ้นประมาณ 13.2% ในช่วงปี 2567 -2575

นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันเทรนด์ศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมทั่วโลก 4 อันดับแรก ได้แก่ การดึงหน้าช่วยลดอายุ, ทำหน้าอก, ศัลยกรรมรอบดวงตา และการทำจมูก ซึ่งได้รับความสนใจจากทุกเพศทุกวัย และกฎหมายในประเทศไทยสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ยกเว้นศัลยกรรมเพื่อการรักษา สามารถทำได้ตั้งแต่เด็กแต่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง

‘ศัลยกรรม’ โตแรง ทะลุ 7.2 หมื่นล้าน  จับตาปี 67 รพ.ดังแห่ลงทุนชิงลูกค้า

โดยศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) ได้รับความนิยมสูงสุด และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ 1.ผู้ที่สนใจทำอายุน้อยลงจากเดิม 50–70 ปี แต่ในปัจจุบันอายุ 30-40 ปี ก็เริ่มทำแล้ว 2.ผู้ชายมีแนวโน้มทำศัลยกรรมดึงหน้าเฉลี่ยสัดส่วนใกล้เคียงกับผู้หญิง 3.ชาวต่างชาติเดินทางมาทำศัลยกรรมดึงหน้าในประเทศไทยมากขึ้น

จากสถิติศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด พบว่าในปี 2566 มีคนไข้ต่างชาติจำนวนเพิ่มขึ้น 20% ฉะนั้นโรงพยาบาลบางมดจึงเดินหน้าขยายธุรกิจศัลยกรรมความงามโดยเปิด “Bangmod Aesthetic & Wellness Hospital”สู่การเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมแบบครบวงจร เจาะกลุ่มลูกค้า Ultra Luxury เป็นศัลยกรรมหลักล้านที่แรกในประเทศไทยโดยมีเป้าหมายสำคัญคือขยายธุรกิจศัลยกรรม สู่การเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมแบบครบวงจร มุ่งเน้นบริการศัลยกรรมได้ทั่วร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ในราคา 5-10 ล้านบาท โดยทีมแพทย์เฉพาะด้านศัลยกรรมตกแต่ง

‘ศัลยกรรม’ โตแรง ทะลุ 7.2 หมื่นล้าน  จับตาปี 67 รพ.ดังแห่ลงทุนชิงลูกค้า ด้านนายกันตพร หาญพาณิชย์ กรรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ได้เปิดให้บริการศูนย์เกษมราษฎร์พลาสติก เซอร์เจอร์รี่ สาขา 2 (สาขารามคำแหง) ในไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2566 หลังจากเปิดเกษมราษฎร์พลาสติก เซอร์เจอร์รี่ สาขาแรกที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศ ประสบความสำเร็จอย่างมาก คาดว่ามีส่วนแบ่งทางการตลาดทางด้านความงามศัลยกรรมประมาณ 3-5% ในอนาคต

ขณะที่นางสาวนพรัต ภัธยนันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พูจอง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ศูนย์เกษมราษฎร์พลาสติก เซอร์เจอร์รี่ มีแผนจะขยายสาขาใหม่ 2-4 สาขาภายในปี 2567 เพื่อครอบคลุมพื้นที่การให้บริการทางด้านความงาม ศัลยกรรม คู่กับทางโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ มีบริการที่เป็นที่นิยมโดดเด่นคือศัลยกรรมการปรับรูปหน้าเท่านั้นด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะ และมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย เป็นศูนย์ศัลยกรรมที่ครบวงจร พร้อมทีมแพทย์ผู้ชำนาญการต่าง ๆ

การเติบโตของตลาดศัลยกรรมในเมืองไทยทำให้ผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนหลายราย หันกลับมาให้ความสำคัญพร้อมเดินหน้า ขยายการลงทุนต่อเนื่อง รวมถึงล่าสุดโรงพยาบาลเอกชล ที่จับมือกับกลุ่มทุนโรงพยาบาลศัลยกรรมในเกาหลี

นายสิริพจน์ มาโนช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC กล่าวว่า โรงพยาบาลเอกชลเป็นอีกหนึ่งโรงพยาบาลที่จะเสริมทัพธุรกิจด้วยการเปิดตัวแผนกนวัตกรรมสุขภาพและความงามครบวงจร (Wellness & Plastic surgery) โดยลงนามความร่วมมือกับ Id Hospital โรงพยาบาลศัลยกรรมที่มีชื่อเสียงติดอันดับท็อป 5 ในประเทศเกาหลีใต้ สร้างความร่วมมือแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ในด้านการทำศัลยกรรมพลาสติก (Plastic Surgery) พร้อมให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อช่วยในการตัดสินใจสำหรับผู้สนใจทำศัลยกรรม

รวมถึงร่วมดูแลการทำศัลยกรรมตกแต่งอย่างครบวงจร ตั้งแต่เตรียมตัวก่อนผ่าตัด การผ่าตัด และดูแลหลังผ่าตัด เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับความปลอดภัยสูงสุดก่อนเดินทางไปศัลยกรรมที่ Id Hospital ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2567 คาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มให้กับโรงพยาบาล 50 - 100 ล้านบาท

‘ศัลยกรรม’ โตแรง ทะลุ 7.2 หมื่นล้าน  จับตาปี 67 รพ.ดังแห่ลงทุนชิงลูกค้า

ทั้งนี้ โรงพยาบาลเอกชลเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในจังหวัดชลบุรี ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 43 ปี และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 20 ปีแล้ว ปัจจุบันมีบุคลากรทางการแพทย์ 1,350 คน มีรายได้ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 รวมระยะเวลา 9 เดือนอยู่ที่ 1,354.48 ล้านบาท คาดว่าตลอดทั้งปีจะอยู่ที่ 1,700-1,800 ล้านบาท จากปริมาณลูกค้าที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้น และตั้งเป้าหมาย ปรับโครงสร้าง ยกระดับเป็น Smart Hospital พร้อมปรับหุ้น AHC ให้โตขึ้น (Growth Stock) ไม่ต่ำกว่า 10%

“ปัจจุบันภาครัฐอาจจะเน้นเรื่อง Wellness หรือ Medical Tourism เป็นหลัก แต่โรงพยาบาลหลายแห่งก็เห็นโอกาสในนโยบายที่สามารถสร้างธุรกิจให้สอดรับกันไปได้ และโรงพยาบาลเอกชลที่อยู่ในจังหวัดชลบุรีก็เช่นเดียวกัน ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นฮับการดูแลด้านสุขภาพหลากหลายทางเลือกในภาพตะวันออก โดยดึงเทรนด์ศัลยกรรมมาให้บริการควบคู่ไปกับการบริการทางด้านสุขภาพที่ทำอยู่ทั้งหมด

แม้มีสัดส่วนยังไม่ถึง 10% แต่จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและสามารถเดินทางไปเกาหลีได้ โดยเฉพาะเขตจังหวัดชลบุรีและอำเภอใกล้เคียง และหวังดึงให้ผู้ใช้บริการดูแลสุขภาพตัวเองในด้านอื่นๆ ด้วย” นายสิริพจน์ กล่าวในตอนท้าย