ชงบิ๊กตู่ถอดกัญชาจากยาเสพติด พลิกวิจัยรักษามะเร็ง/ลดนำเข้ายา-เพิ่มส่งออก

05 ก.ค. 2559 | 03:00 น.
สภาเกษตรกรแห่งชาติ เล็งชง “ประยุทธ์” หนุนถอดกัญชาออกจากระบบยาเสพติด อ้างมีงานวิจัยรับรองใช้รักษาโรคมะเร็งได้ ระบุมีหลายประเทศในยุโรป/อเมริกา อนุญาตให้ใช้อย่างถูกกฎหมายแล้ว ชี้หากช้าไปเกรงไทยเสียโอกาส จากแต่ละปีต้องนำเข้ายามารักษาผู้ป่วยเป็นหลักหมื่นล้าน

[caption id="attachment_67593" align="aligncenter" width="380"] ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์  ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์
ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ[/caption]

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยกับ " ฐานเศรษฐกิจ" ว่ามีแนวคิดที่จะทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องให้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติด เพราะเห็นว่ากัญชา เป็นพืชสมุนไพร ที่มีงานวิจัยรับรองว่าใช้รักษามะเร็งแบบลับๆมานานแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่สำหรับในประเทศไทยยังผิดกฎหมาย ในขณะที่บางประเทศถูกกฎหมาย โดยเฉพาะในยุโรปหลายประเทศและในอเมริกามีการใช้กัญชารักษาโรคกันอย่างแพร่หลาย

"ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งกันมาก จะเห็นว่าในแต่ละปีจะมีการสั่งยาเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ไทยต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ และถ้าทำได้เพื่อลดภาระของรัฐบาล หากมีงานวิจัยที่ระบุอย่างเด่นชัดที่จะถอดกัญชาออกจากยาเสพติดแล้วสกัดมาเป็นยา เพราะงานวิจัยระบุอย่างเด่นชัดว่า กัญชาสามารถรักษามะเร็งได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย มะเร็งที่ร้ายแรงที่ต้องใช้วิธีฉายแสงยังเอาไม่อยู่ แต่กัญชาเอาอยู่ อย่าลืมว่า กัญชามีหลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์มีสารออกฤทธิ์จำนวนไม่เท่ากัน งานวิจัยจะบอกได้ว่า กัญชาตัวไหน พันธุ์ไหน เหมาะกับการรักษามะเร็งชนิดไหน "

นายประพัฒน์ กล่าวว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญ เพราะถ้าช้าไปจะทำให้ไทยเสียโอกาส ดังนั้นในเรื่องนี้สภาเกษตรกรแห่งชาติจะเดินหน้าสนับสนุนและเร่งรัดให้กัญชาถูกถอดออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งจะทำให้ไทยไม่ต้องเสียเงินซื้อยาปีละหลายหมื่นล้านบาท เพียงแต่อาจจะต้องควบคุมในพื้นที่ปลูกกัญชาให้อยู่ในโรงเรือนที่จำกัด หากทำวิธีการดังกล่าวนี้ได้ ไทยจะพลิกวิกฤติเป็นโอกาส และในอนาคตอาจขยับลู่ทางเป็นยาส่งออกขายกับให้กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งในต่างประเทศได้

อนึ่ง ทุกวันที่ 20 เมษายนของทุกปี หรือที่เรียกกันว่า “420” (four-twenty) เป็นวันกัญชาโลก เนื่องจากมีผู้ใช้กัญชาทั่วโลกกว่า 200 ล้านคน ทั้งการใช้เพื่อความบันเทิง และทางการแพทย์ และทุกวันที่ 20 เมษายน ผู้ใช้กัญชาในหลายประเทศ จะรวมตัวกันรณรงค์ให้เปิดเสรีกัญชา ในปี 2558 เป็นปีแรก ที่ประเทศไทย จัดงานรวมตัวของ “กัญชาชน” พร้อมการเสวนาอย่างเป็นทางการ หัวข้อ “ความเป็นไปได้ในการลดทอนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด: กรณีศึกษากัญชา” วงเสวนามีการพูดคุยกันว่า หลายประเทศ ทำให้กัญชาถูกกฎหมาย หรือ ผ่อนคลายการลงโทษ เพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า การทุ่มงบประมาณเพื่อการปราบปราม ไม่เคยได้ผล นอกจากนี้ กัญชายังมีความรุนแรงน้อยกว่ายาชนิดอื่นๆ รวมถึงสุราและบุหรี่ อีกทั้งยังสามารถ ใช้ในการรักษาทางการแพทย์ได้ด้วย

ขณะที่เว็บไซต์วิกพีเดีย สารานุกรมเสรี รายงานสารสำคัญในกัญชาที่ใช้ทางการแพทย์นอกจากการนำพืชกัญชามาใช้เป็นยา ปัจจุบันมีการพัฒนายามาจากพืช เช่นสกัดออกมา หรือสังเคราะห์ทางเคมีให้มีโครงสร้างเช่นเดียวกับสาร cannabinoidตัวอย่างเช่น มารินอล (marinal ) เป็นสารสังเคราะห์ dronabinol หรือ delta-9-tetrahydrocannabinol (THC) อยู่ในรูปยาเม็ด มีข้อบ่งใช้ ต้านการอาเจียน กระตุ้นความอยากอาหาร ใช้ป้องกันคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง ใช้ในกรณีที่ใช้ยาอื่นแล้วไม่ได้ผล และยังใช้เพิ่มความอยากอาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ มีจำหน่ายในรูปยารับประทานเป็นเม็ดแคปซูลอ่อนกลมทั้งในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา เป็นยาที่ให้จ่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น

Photo : Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,171 วันที่ 3 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559