"จเรศักณ์ิ" ยัน! 45 วัน เสร็จทันแน่! การันตี "ค้าข้าว" ไม่สะดุด!
"ฐานเศรษฐกิจ" ยังคงติดตามร่างพระราชบัญญัติ ( พ.ร.บ.) ข้าว พ.ศ. .... ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ โดยมี พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ได้มีการเรียกเกษตรกร ผู้รวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าว ศูนย์ข้าวชุมชน โรงสีและผู้ส่งออก เข้าร่วมคณะชี้แจง เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลา 09.00-16.30 น. ซึ่งผลสรุปในที่ประชุม ดังนี้
พล.ท.จเรศักณ์ิ อาณุภาพ รองประธาน คณะกรรมาธิการวิสามัญ ร่างพระราชบัญญัติ ( พ.ร.บ.) ข้าว พ.ศ. .... เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทางคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ได้ชี้แจงกับผู้ที่เข้าร่วมประชุม ที่ประกอบด้วย สภาเกษตรกรแห่งชาติ ศูนย์ข้าวชุมชน สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว สาระสำคัญาร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ ยืนยันว่า ต้องดูแลภาคเกษตรกร ซึ่งเป็นภาคที่อ่อนแอที่สุด ให้ได้รับการส่งเสริมและดูแลความเข้มแข็ง เพราะพี่น้องเกษตรกรชาวนาเป็นผู้ผลิตเพื่อผู้บริโภคภายในประเทศและมีการส่งออกมากที่สุด โดยรัฐจะต้องเข้าไปส่งเสริมดูแลให้ได้รับประโยชน์ให้มากที่สุด แต่ไม่ได้ตัดในส่วนผู้ประกอบการโรงสี-ผู้ส่งออก จะทำอย่างไรที่จะทำให้เดินไปด้วยกันให้ได้ โดยข้อกังวลในส่วนของผู้ประกอบการที่เป็นภาคเอกชนจะกังวลในเรื่องการรายงานข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการกำหนดราคานำ การตรวจสอบ และการกำหนดบทลงโทษต่าง ๆ เป็นต้น
"รัฐบาลเห็นความจำเป็นในส่วนของภาคผู้ประกอบการอยู่แล้ว โดยเฉพาะท่านรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกฎหมาย ก็คือ ท่านรองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม ได้เชิญผู้เสนอกฎหมายของกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้าไปพบและมีการหารือร่วมกันกับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยไปก่อนหน้านั้น กล่าวคือ มีการสรุปรับฟังและมีการกำชับจากส่วนงานกฎหมายจากรัฐบาล แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ท่านก็ให้ความสำคัญและกำชับเรื่องนี้ให้พิจารณาครบถ้วน ไม่ใช่กฎหมายออกมาแล้วจะไปทำให้กระบวนจะดูแค่การผลิตอย่างเดียว ก็จะต้องดูผู้ประกอบการ ผู้รับซื้อ ต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมด โดยยืนยันว่า กฎหมายฉบับนี้ที่ออก จะไม่สร้างภาระให้กับผู้ประกอบการมากเกินไปและอย่าไปกำหนดบทลงโทษเกินความจำเป็น เพราะทุกภาคส่วนมีความจำเป็นในการที่จะดูแลซึ่งกันและกัน"
ด้าน พล.ท.จเรศักณ์ิ กล่าวว่า หากบทลงโทษบางประเด็นไปลงโทษมากเกินไป เป็นข้อจำกัดให้การผลิต (ชาวนา) จะส่งผลกระทบกับชาวนา สอดคล้องกับภาคเกษตกรกร แต่การให้ความสำคัญในร่าง พ.ร.บ.นี้ เป็น "พ.ร.บ.ข้าว" ก็ต้องยืนยันว่า จะต้องให้ความสำคัญกับภาคผลิตมากกว่า ในส่วนภาคเกษตรกรจะต้องได้รับความดูแล เพราะมีความอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะดูแลทั้งระบบ
"ผมก็ยืนยันกับทางผู้ประกอบการว่า "เราต้องเดินร่วมกันไปให้ได้" คงไม่ออกกฎหมายแล้วทำให้การผลิตและการค้าทั้งภายในประเทศและส่งออกสะดุด ต้องส่งเสริมกันและกัน ซึ่งบรรยากาศดีมาก หลายภาคส่วนให้ข้อคิดเห็นที่ดี บางอย่างยอมรับไม่ทราบมาก่อน โดยเฉพาะในกระบวนการรับซื้อของโรงสี ว่า จะต้องมีการรวบรวม การส่งข้าว และการจ่ายเงิน ซี่งถูกควบคุมหลายกฎหมาย ซึ่งการดำเนินโอกาสต่อไปจะนำข้อมูลต่าง ๆ นี้มาประมวล แล้วจะมาหารือร่วมกันในส่วนของผู้แทนรัฐบาลที่อยู่ในคณะกรรมาธิการฯ นี้ อะไรที่เป็นปัญหาหรือถูกควบคุมอยู่ในกฎหมายอื่นแล้ว"
หรือเรื่องใดที่จะนำไปออกกฎหมายรองจะมีการรวบรวมไว้เป็นข้อมูล จะมีการหารือกันในวันต่อไปเป็นรายมาตรา เป็นรายประเด็น ที่ได้รับแล้วจะมาทบทวน ปรับปรุง มาตราต่าง ๆ จะปรับอย่างไร รับฟังทุกภาคส่วน แล้วกฎหมายที่จะออกไป ยืนยันว่าจะต้องไปบังคับใช้ให้กับทุกส่วน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ประกอบการ ให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน สุดท้าย คือ พี่น้องประชาชนไปจนถึงผู้บริโภค โดยยึดผลประโยชน์ในส่วนรวม คาดว่าการพิจารณาจะให้แล้วเสร็จให้ได้ทันแน่นอน ภายใน 45 วัน โดยทางคณะฯ จะมีประชุมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30 น. จนถึงเวลา 16.30 น. เพื่อให้เสร็จแล้วจะนำเข้าประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ต่อไป
ขณะที่ นายเกษม ผลจันทร์ นายกสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า กฎหมายฉบับนี้จะเกิดผลดีกับพี่น้องเกษตรกรอย่างไร มีจุดตรงไหนบ้างที่เกษตรกรได้รับประโยชน์จากร่างฉบับนี้ ได้ตั้งคำถามในที่ประชุม กมธ. ชี้แจงฯ ก็ไม่ได้รับคำตอบ แต่กลับบอกว่า วันนี้อยากให้มาชี้แจงเชิงคำแนะนำและส่งเสริม แต่ในส่วนของสมาคมก็ได้พยายามทักท้วงว่าร่างกฎหมายที่ออกมาใหม่นี้ มีกฎหมายเก่าที่ซ้ำซ้อนอยู่แล้ว และมีการเพิ่มโทษ ทางสมาคมไม่ได้กลัว เพราะมั่นใจว่า ทำถูกต้องอยู่แล้ว ไม่กลัวว่าจะต้องถูกดำเนินคดีหรือถูกลงโทษ
"จริง ๆ แล้ว การจะออกกฎหมายให้ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ต้องใช้โทษที่รุนแรงขนาดนั้น หรือ กฎหมายที่จะให้เกษตรกรได้ประโยชน์สูงสุด ผมยังมองไม่เห็นว่า ร่างฉบับนี้ว่า ภายใน 3 ปี หรือ 5 ปี พี่น้องเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็พยายามที่จะผลักดันเต็มที่ให้ให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ "ชะลอ!" ออกไปก่อน"
