ครม. รับทราบมาตรการช่วยเหลือผลกระทบ 'ปาบึก' !!
ครม. รับทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก 4 มาตรการภาษี 19 มาตรการการเงิน
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 มีมติรับทราบมาตรการภาษี 2 มาตรการ และมาตรการทางด้านการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง รวม 19 มาตรการ และเห็นชอบมาตรการทางด้านภาษีอีก 2 มาตรการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึกที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ของประเทศ
ทั้งนี้ มาตรการด้านภาษี คือ 1.มาตรการหักลดหย่อนภาษี สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสามารถนำเงินที่บริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลได้เท่าจำนวนที่บริจาค, 2.มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค ซึ่งผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับบริจาคได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำเงินที่ได้งินชดเชยจากรัฐบาลและเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาคำนวณเป็นเงินได้ โดยต้องไม่เกินกว่ามูลค่าความเสียหายที่ได้รับ
3.มาตรการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัย โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับบุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ หรือ การซ่อมแซมห้องชุดในอาคารชุด ซึ่งจ่ายระหว่าง 3 ม.ค. - 31 มี.ค. 2562 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน 1 แสนบาท
4.มาตรการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถในพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัย โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับบุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถและจ่ายระหว่าง 3 ม.ค. - 31 มี.ค. 2562 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน 3 หมื่นบาท
สำหรับมาตรการทางด้านการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง รวม 19 มาตรการ แบ่งเป็น 1.พักชำระหนี้ของธนาคารออมสิน, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) 2.ให้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ฟื้นฟูการประกอบอาชีพ และซ่อมแซมอาคาร ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), ธพว., ธอท. และ ธสน.
3.ลดอัตราดอกเบี้ยของลูกค้า ธอส. และ ธสน. 4.ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ของ ธ.ก.ส. 5.ประนอมหนี้ กรณีหลักประกันได้รับความเสียหาย หรือ ลูกหนี้ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ของ ธอส. 6.ขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมและโครงการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ 7.มาตรการรองรับกรณีลูกหนี้เสียชีวิตและทุพพลภาพถาวร หรือ บ้านเสียหายทั้งหลัง ของ ธอส.
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 มีมติรับทราบมาตรการภาษี 2 มาตรการ และมาตรการทางด้านการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง รวม 19 มาตรการ และเห็นชอบมาตรการทางด้านภาษีอีก 2 มาตรการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึกที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ของประเทศ
ทั้งนี้ มาตรการด้านภาษี คือ 1.มาตรการหักลดหย่อนภาษี สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสามารถนำเงินที่บริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลได้เท่าจำนวนที่บริจาค, 2.มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค ซึ่งผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับบริจาคได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำเงินที่ได้งินชดเชยจากรัฐบาลและเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาคำนวณเป็นเงินได้ โดยต้องไม่เกินกว่ามูลค่าความเสียหายที่ได้รับ
3.มาตรการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัย โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับบุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ หรือ การซ่อมแซมห้องชุดในอาคารชุด ซึ่งจ่ายระหว่าง 3 ม.ค. - 31 มี.ค. 2562 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน 1 แสนบาท
4.มาตรการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถในพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัย โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับบุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถและจ่ายระหว่าง 3 ม.ค. - 31 มี.ค. 2562 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน 3 หมื่นบาท
สำหรับมาตรการทางด้านการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง รวม 19 มาตรการ แบ่งเป็น 1.พักชำระหนี้ของธนาคารออมสิน, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) 2.ให้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ฟื้นฟูการประกอบอาชีพ และซ่อมแซมอาคาร ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), ธพว., ธอท. และ ธสน.
3.ลดอัตราดอกเบี้ยของลูกค้า ธอส. และ ธสน. 4.ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ของ ธ.ก.ส. 5.ประนอมหนี้ กรณีหลักประกันได้รับความเสียหาย หรือ ลูกหนี้ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ของ ธอส. 6.ขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมและโครงการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ 7.มาตรการรองรับกรณีลูกหนี้เสียชีวิตและทุพพลภาพถาวร หรือ บ้านเสียหายทั้งหลัง ของ ธอส.
