"สนธิรัตน์" คลอดเกณฑ์อำนาจเหนือตลาด ป้องธุรกิจผูกขาด

05 ธ.ค. 2561 | 22:32 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการฯ เรื่องหลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด ภายใต้ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งจะมีผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาดไม่สามารถดำเนินการใดๆ ที่ทำให้เกิดการผูกขาด และความไม่เป็นธรรมทางการค้าได้ หากฝ่าฝืนจะมีทั้งโทษอาญา และโทษปรับ โดยโทษอาญาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำผิด หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากกระทำผิดในปีแรกของการประกอบธุรกิจต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

สำหรับการกำหนดเกณฑ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้แก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 และกฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าพ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 จึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติต่างๆ ของผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งรวมถึงเกณฑ์อำนาจเหนือตลาดและการรวมธุรกิจเพื่อป้องกันการผูกขาด และทำธุรกิจอย่างไม่เป็นธรรม

โดยเกณฑ์อำนาจเหนือตลาด ประกอบด้วย ผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งในตลาดสินค้าใดสินค้าหนึ่ง หรือบริการใดบริการหนึ่ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ 50% ขึ้นไป และมียอดเงินขายในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป หรือผู้ประกอบการ 3 รายแรกในตลาดสินค้าใดสินค้าหนึ่ง หรือบริการใดบริการหนึ่ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมารวมกันตั้งแต่ 75% ขึ้นไป และมียอดเงินขายในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท

ส่วนพฤติกรรมไม่เป็นธรรมทางการค้าที่ถือเป็นความผิดสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาด มีทั้งการกำหนดหรือรักษาระดับราคาซื้อหรือราคาขายสินค้าหรือค่าบริการอย่างไม่เป็นธรรม เช่น การตั้งราคาในระดับต่ำมาก เพื่อให้คู่แข่งออกจากตลาด การตั้งราคาต่ำกว่าต้นทุน เป็นต้น, กำหนดเงื่อนไขไม่เป็นธรรม ทำให้คู่ค้าจำกัดการบริการ การผลิต การซื้อ หรือการจำหน่ายสินค้า หรือจำกัดโอกาสเลือกซื้อ หรือขายสินค้า เช่น กำหนดให้ผู้ซื้อต้องซื้อเฉพาะสินค้าของตนเองเท่านั้น ห้ามซื้อจากผู้ผลิตรายอื่น เป็นต้น, การระงับ ลด หรือจำกัดการบริการ การผลิต การซื้อ การจำหน่าย การส่งมอบ การนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่มีเหตุอันควร ทำลาย หรือทำให้เสียหายซึ่งสินค้า และการแทรกแซงการประกอบธุรกิจของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลอันควร

ขณะเดียวกัน ยังได้ออกประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561 เพื่อป้องกันการผูกขาด หรือใช้อำนาจเหนือตลาดแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวกำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่จะรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการผูกขาด หรือกลายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด หรือเมื่อรวมกิจการกันแล้วมีส่วนแบ่งตลาด และยอดเงินขายเข้าตามเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด จะต้องแจ้งการควบรวมต่อคณะกรรมการฯ และต้องได้รับอนุญาตก่อนการควบรวม คาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็วๆ นี้ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

ทั้งนี้ หากไม่แจ้งผลการรวมธุรกิจต่อคณะกรรมการฯ จะต้องชำระค่าปรับทางปกครองไม่เกิน 200,000 บาท หรือปรับอีกไม่เกิน 10,000 บาทต่อวันตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน และหากไม่ขออนุญาตก่อนการรวมธุรกิจ ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 0.5% ของมูลค่าธุรกรรมในการรวมธุรกิจ ส่วนเมื่อรวมธุรกิจแล้วและมีอำนาจเหนือตลาด ห้ามทำการค้าอย่างไม่เป็นธรรมเช่นเดียวกับการเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด ทั้งห้ามผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขัน หากฝ่าฝืน จะมีโทษปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำผิด ขณะที่คู่ค้าหรือบุคคลใดที่ได้รับความเสียหายจากการใช้อำนาจเหนือตลาดทำการค้าอย่างไม่เป็นธรรม มีสิทธิฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายได้