เปิดแผนลงทุน‘เซ็นทรัล กรุ๊ป’ อัดฉีดงบไร้ขีดจำกัดปูพรมธุรกิจในไทย-ต่างประเทศ

07 มี.ค. 2559 | 03:00 น.
เปิดยุทธศาสตร์ "เซ็นทรัล กรุ๊ป" เดินหน้าลงทุนทุกรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ แย้มพร้อมอัดฉีดงบลงทุนแบบไร้ขีดจำกัดหากคุ้มค่า ภายใต้กลยุทธ์ M&A เบื้องต้นเทงบเฉียด 4 หมื่นล้านลงทุนทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงแรม

เปิดแผนลงทุน‘เซ็นทรัล กรุ๊ป’ อัดฉีดงบไร้ขีดจำกัดปูพรมธุรกิจในไทย-ต่างประเทศ


[caption id="attachment_35963" align="aligncenter" width="503"] โรดแมป เซ็นทรัล กรุ๊ป ปี 2559 โรดแมป เซ็นทรัล กรุ๊ป ปี 2559[/caption]

คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร และร้านค้าปลีก เผยเบรกเทคโอเวอร์ห้างฝั่งยุโรป หันหาตลาดตะวันออกกลางแทน มั่นใจสิ้นปีดันธุรกิจฝ่าวิกฤติโกยยอดขายทะลุ 3.37 แสนล้านบาท โตเกือบ 19%

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบทั้งการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions : M&A) การร่วมทุน และการลงทุนเองทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมและมีศักยภาพเต็มที่ หากศึกษาและเห็นถึงศักยภาพ โอกาส และความคุ้มค่าในการลงทุนก็พร้อมเข้าควบรวมกิจการทันที โดยไม่มีข้อจำกัดด้านการเงิน ทั้งนี้เบื้องต้นบริษัทเตรียมใช้งบลงทุน 3.9 หมื่นล้านบาทสำหรับขยายกิจการในปีนี้ และตั้งเป้าที่จะมีรายได้รวม 3.37 แสนล้านบาท เติบโต 18.9% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 2.83 แสนล้านบาท เติบโต 13.5% จากปี 2557

สำหรับลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่องใน 4 กลุ่มธุรกิจประกอบไปด้วย ธุรกิจศูนย์การค้า ได้แก่ การขยายศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา นครศรีธรรมราช งบลงทุน 3.5 พันล้านบาทเปิดให้บริการเดือนสิงหาคมนี้, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา นครราชสีมา แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมืองโคราช เปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ยังมีศูนย์การค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 3 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล ภูเก็ต เฟส 2 เปิดให้บริการปี 2560 และศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2561 ด้วยงบลงทุนกว่า 8.5 พันล้านบาท

ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน นครศรีธรรมราช, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ลพบุรี และมีแผนสร้างห้างสรรพสินค้าเซน ป่าตอง ภูเก็ต บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ หลังเข้าซื้ออาคารห้างค้าปลีกท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2561 นอกจากนี้ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและร้านค้าปลีกอาทิ เซ็นทรัล เรสเตอรองส์ กรุ๊ป, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป, ท็อปส์, แฟมิลี่ มาร์ท, โคโมโนยะ, มัทสึโมโตะ คิโยชิ, ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย เป็นต้น โดยบริษัทจะขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 420 แห่ง

ธุรกิจคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการ "เอสเซ็นท์" ซึ่งเปิดตัวโปรเจ็กต์ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดตัว 3 โครงการประกอบไปด้วย เอสเซ็นท์ เชียงใหม่ ปัจจุบันมียอดขายกว่า 80%, เอสเซ็นท์ ระยอง และเอสเซ็นท์ ขอนแก่น ซึ่งมียอดขายมากกว่า 50% ทั้ง 2 โครงการ และในปลายปีนี้คาดว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น หลังประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

ธุรกิจโรงแรม กลุ่มเซ็นทรัลมีแผนขยายธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวน 6,716 ห้อง ประกอบไปด้วย เซ็นทารา มาริส รีสอร์ท จอมเทียน, คุ้มคำ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จ.เชียงใหม่, โรงแรมเซ็นทารา อเวนิว โฮเทล พัทยา, โคซี่ โรงแรมราคาประหยัด และ โรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เซ็นทรัลเอ็มบาสซีด้านการลงทุนในต่างประเทศ กลุ่มเซ็นทรัล มีแผนขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ประกอบไปด้วย 8 ประเทศในฝั่งตะวันตก ประกอบด้วย อิตาลี, เยอรมัน, เดนมาร์ก, ตุรกี , การ์ต้า, โอมาน, เอธิโอเปีย และคิวบา และอีก 9 ประเทศในฝั่งตะวันออก ประกอบด้วย ไทย, เวียดนาม, ลาว, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, จีน, ศรีลังกา และมัลดีฟส์ ทั้งในธุรกิจโรงแรม, ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกอื่นๆ อาทิ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ไอแลนด์ รีสอร์ท แอนด์สปา มัลดีฟส์, โรงแรมเซ็นทารา รัส ฟูชิ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทมีแผนขยายธุรกิจไปยังตะวันออกกลาง โดยล่าสุดบริษัทร่วมทุนกับกลุ่ม Nakheel, Dubai-based developer เพื่อสร้างบีชฟรอนท์ ระดับ 4 ดาว จำนวน 550 ห้องในดูไบด้วย

"การเริ่มต้นเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าลา รีนาเชนเต ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2558 ใช้งบลงทุนไปทั้งสิ้น 4.08 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้บริหาร 5 ห้างสรรพสินค้าในยุโรป ประกอบไปด้วย ลา รีนาเชนเต (La Rinascente), อิลลุม (IIIum), คาเดเว (KaDeWe), อัลสแตร์เฮ้าส์ (Alsterhaus) และ โอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) คาดว่าในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้จากห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศราว 5.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 24% ของรายได้รวมของกลุ่มเซ็นทรัลและคาดว่าจนถึงปี 2563 จะมีรายได้จากห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศราว 1 แสนล้านบาทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้" นายทศกล่าวและว่า

บริษัทยังไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าในประเทศยุโรปอีก เพราะเชื่อว่ามีห้างให้บริการครอบคลุมกลุ่มลูกค้าแล้ว แต่จะหันมาให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชียมากขึ้น จากศักยภาพที่มีการเติบโตต่อเนื่อง แต่บริษัทจะดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ Central One World of Luxury Collection โดยการเชื่อมต่อและสร้างให้ลูกค้าสนใจและต้องการเดินทางไปเยือนห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเซ็นทรัลสักครั้งในชีวิต

อย่างไรก็ดี ภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ ยังน่าเป็นห่วงมาก ไม่ใช่เฉพาะเศรษฐกิจในประเทศไทย แต่เป็นเศรษฐกิจโลก ที่หลายประเทศยังมีปัญหาไม่ว่าจะเป็น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของราคาน้ำมันที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ขณะที่กำลังซื้อโดยรวมของคนไทยยังอยู่ในภาวะทรงตัว แม้ภาครัฐจะมีมาตรการออกมากระตุ้นแต่ก็ส่งผลได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งภาครัฐจำเป็นจะต้องมีมาตรการออกมากกระตุ้นให้คนไทยหันมาใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,137 วันที่ 6 - 9 มีนาคม พ.ศ. 2559