บทวิเคราะห์สถานการณ์ราคาทองคำแท่ง ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 โดยบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
คำแนะนำ
พิจารณาโซน 1,231-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในการเปิดสถานะขาย ขณะที่การเปิดสถานะซื้อจำเป็นต้องรอการอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับซึ่งจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น
ราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,231-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,212-1,209 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
แนวรับ 1,209 1,196 1,187
แนวต้าน 1,237 1,244 1,256
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากในระหว่างวันร่างไปแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนที่ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นแรง โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ต่ำกว่าเพียงเล็กน้อย "just below" จากระดับที่เป็นกลาง ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2015 ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่ดิ่งลงสู่ระดับ 544,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 จีดีพีประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 3.5% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์แต่ขยายตัวในอัตราที่ลดลงจากระดับ 4.2% ไตรมาสที่ 2 สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้เกิดแรงขายสกุลเงินดอลลาร์จนส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง -0.6% สู่ระดับ 96.786 จนเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 1% จากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE)ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของเฟด, การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคล และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ
ที่มา : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด