'บ้านปู' เฮ! Q3 โตตามเป้า เหตุราคาขาย "ถ่านหิน" เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
'บ้านปูฯ' แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 เติบโต เดินหน้าสู่ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก เน้นจุดแข็งการผนึกกำลังระหว่างกลุ่มธุรกิจหลักเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2561 ว่า บริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมาย มีรายได้จากการขายรวม 965 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 31,816 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 245 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8,078 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อม และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 310 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10,221 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,506 ล้านบาท) โดยหากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมรายการอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว จะคิดเป็นจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,297 ล้านบาท) หรือปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการถ่านหินที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ผนวกกับอุปทานที่มีอยู่อย่างจำกัดในไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter อย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มธุรกิจที่มีความหลากหลาย พร้อมมอบโซลูชันด้านพลังงานแบบครบวงจร
ต่อเรื่องนี้ นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 นี้ เป็นที่น่าพอใจ บ้านปูฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากทุกหน่วยธุรกิจหลัก ธุรกิจถ่านหินมีปริมาณการขายถ่านหินที่ปรับสูงขึ้น จึงส่งผลดีต่อรายได้ในช่วงที่ราคาถ่านหินอยู่ในระดับสูง ธุรกิจไฟฟ้ามีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าที่ดี ทั้งจากโรงไฟฟ้าหงสาและ BLCP และในส่วนธุรกิจก๊าซมีกำไรที่ดีขึ้นเช่นกัน จากราคาก๊าซในตลาดสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้น"
[caption id="attachment_346054" align="aligncenter" width="503"]
สมฤดี ชัยมงคล[/caption]
"บริษัทฯ ยังสานต่อพันธกิจการเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยการลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยจุดแข็งจากการผนึกกำลังระหว่างกันในกลุ่มธุรกิจหลัก (Strong Integration) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มาช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน สอดรับกับแนวโน้มการใช้พลังงานประเภทต่าง ๆ ของประเทศเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้บ้านปูฯ ได้ทำสัญญาการซื้อขายถ่านหิน จำนวน 1.3 ล้านตัน กับ Vietnam Electricity (EVN) พร้อมเปิดสำนักงานในนครโฮจิมินห์ เพื่อประสานงานด้านการค้าในอนาคต ทั้งนี้ บ้านปูฯ มีความพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในเวียดนาม ด้วยความสามารถในการจัดหาและขนส่งถ่านหินที่มีคุณภาพตามที่ลูกค้าต้องการได้อย่างทั่วถึงจากเครือข่ายคู่ค้าที่แข็งแกร่ง"
ธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 200 เมกะวัตต์ ใน จ.ซอกจัง (Soc Trang) ประเทศเวียดนาม คาดว่า โครงการระยะที่ 1 จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2564 และ กำลังศึกษาโอกาสในโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้นับเป็นการเดินหน้าตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2561 ว่า บริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมาย มีรายได้จากการขายรวม 965 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 31,816 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 245 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8,078 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อม และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 310 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10,221 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,506 ล้านบาท) โดยหากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมรายการอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว จะคิดเป็นจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,297 ล้านบาท) หรือปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการถ่านหินที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ผนวกกับอุปทานที่มีอยู่อย่างจำกัดในไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter อย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มธุรกิจที่มีความหลากหลาย พร้อมมอบโซลูชันด้านพลังงานแบบครบวงจร
ต่อเรื่องนี้ นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 นี้ เป็นที่น่าพอใจ บ้านปูฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากทุกหน่วยธุรกิจหลัก ธุรกิจถ่านหินมีปริมาณการขายถ่านหินที่ปรับสูงขึ้น จึงส่งผลดีต่อรายได้ในช่วงที่ราคาถ่านหินอยู่ในระดับสูง ธุรกิจไฟฟ้ามีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าที่ดี ทั้งจากโรงไฟฟ้าหงสาและ BLCP และในส่วนธุรกิจก๊าซมีกำไรที่ดีขึ้นเช่นกัน จากราคาก๊าซในตลาดสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้น"
[caption id="attachment_346054" align="aligncenter" width="503"]
"บริษัทฯ ยังสานต่อพันธกิจการเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยการลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยจุดแข็งจากการผนึกกำลังระหว่างกันในกลุ่มธุรกิจหลัก (Strong Integration) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มาช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน สอดรับกับแนวโน้มการใช้พลังงานประเภทต่าง ๆ ของประเทศเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้บ้านปูฯ ได้ทำสัญญาการซื้อขายถ่านหิน จำนวน 1.3 ล้านตัน กับ Vietnam Electricity (EVN) พร้อมเปิดสำนักงานในนครโฮจิมินห์ เพื่อประสานงานด้านการค้าในอนาคต ทั้งนี้ บ้านปูฯ มีความพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในเวียดนาม ด้วยความสามารถในการจัดหาและขนส่งถ่านหินที่มีคุณภาพตามที่ลูกค้าต้องการได้อย่างทั่วถึงจากเครือข่ายคู่ค้าที่แข็งแกร่ง"
ธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 200 เมกะวัตต์ ใน จ.ซอกจัง (Soc Trang) ประเทศเวียดนาม คาดว่า โครงการระยะที่ 1 จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2564 และ กำลังศึกษาโอกาสในโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้นับเป็นการเดินหน้าตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
