ก.พ. ชง ครม. แก้กฎหมาย 3 ฉบับ ขยายอายุเกษียณจาก 60 ปี เป็น 63 ปี "ปลัด-อธิบดี" ชวด เล็งเพิ่มเงินเดือนให้คนที่มีทักษะหลากหลาย พร้อมปรับลดอัตรากำลังคน ตัดรายจ่ายงบ 2.3 แสนล้าน จ้างเอกชนเข้ามาให้บริการมากขึ้น
รัฐบาลภายใต้การนำของ
"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เตรียมเดินหน้าปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ ปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐให้มีขนาดที่เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการ ลดงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ และสอดรับกับการที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยแนวทางการปฏิรูประบบราชการในครั้งนี้จะมีทั้งการยืดอายุการเกษียณออกไป จากเดิม 60 ปี เป็นอายุ 63 ปี และปรับกรอบอัตรากำลังบุคลากรภาครัฐ เพิ่มค่าตอบแทนให้กับข้าราชการที่มีความสามารถหลากหลาย หรือ Multi Skill
[caption id="attachment_337765" align="aligncenter" width="336"]
เมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ.[/caption]
ชงแก้ ก.ม. รับเกษียณ 63 ปี
นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สำนักงาน ก.พ. เตรียมจะเสนอรัฐบาลให้แก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ เพื่อขยายอายุเกษียณราชการ จาก 60 ปี เป็น 63 ปี คือ 1.แก้ไข พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 , 2.แก้ไข พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และ 3.แก้ไข พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 รวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ อีกเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม การยืดเกษียณข้าราชการจาก 60 ปี เป็น 63 ปี จะไม่ครอบคลุมถึงตำแหน่งบริหารระดับสูง อย่างเช่น อธิบดีและปลัดกระทรวง เพราะคนกลุ่มนี้มีเงินเดือนสูง หากยืดเวลาเกษียณออกไปจะสวนทางกับยุทธศาสตร์การลดค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ แต่จะยืดให้ข้าราชการส่วนที่เป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ มีความจำเป็นในระบบราชการ ที่มีหลายสาขา อาทิ สายการเงินเศรษฐกิจ นักลงทุน นักวิเคราะห์ นักวิจัย เป็นต้น
การยืดเกษียณข้าราชการ 63 ปี อาจต้องใช้เวลาเปลี่ยนผ่าน 5-7 ปี จึงจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กระบวนการหลังจากนี้จะต้องรอแผนแม่บทปฏิรูปประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติแล้วเสร็จก่อน ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 1 เดือน หรือ เร็วที่สุดอีก 1 สัปดาห์ สามารถนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้
จากนั้นในการแก้ไขกฎหมายจะพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แต่ทราบว่า ขณะนี้ สนช. ปิดรับกฎหมายเสนอใหม่แล้ว เพราะจะเร่งกฎหมายในมือที่ยังค้างภายใน 2 เดือน แต่ ก.พ. เตรียมร่างแก้ไขกฎหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว
เดินหน้าลดอัตรากำลังคน
นอกจากการขยายเวลาเกษียณอายุราชการแล้ว รัฐบาลยังมีแนวทางปรับลดอัตรากำลังทั้งหมดของบุคลากรภาครัฐ ที่มีทั้งหมดกว่า 3 ล้านคน ในข้าราชการทุกประเภท ทั้งข้าราชการครู ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน และส่วนท้องถิ่น
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อพิจารณาถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะมีการปรับกรอบอัตรากำลังและงบประมาณบุคลากรภาครัฐ จากปัจจุบัน ที่มีค่าเฉลี่ย 40-50% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เหลือไม่เกิน 30% เพราะประเทศไทยใช้กำลังคนจำนวนมาก ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีและการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศน้อย บางหน่วยงานมีงบบุคลากรสูงถึง 70%
[caption id="attachment_337768" align="aligncenter" width="503"]
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี[/caption]
"บางงานที่ไม่มีตำแหน่งข้าราชการ ก็สามารถใช้วิธีจ้างเอกชนเข้ามาช่วยแทนการเปิดตำแหน่งข้าราชการ แม้ค่าจ้างจะแพงกว่าจ้างข้าราชการมาก แต่ก็ไม่มีภาระบำเหน็จบำนาญในระยะยาว เพราะรัฐบาลมีนโยบายตัวเลขค่าใช้จ่ายต้องไม่สูงขึ้นกว่าเดิม เพราะจะไปเก็บภาษีประชาชนเพิ่มขึ้นคงลำบาก ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย ต้องพยายามลดเรื่องค่าใช้จ่ายของคน โดยเริ่มจากลดให้ได้ 1 ใน 5 ของค่าใช้จ่ายภาครัฐ"
นางเมธินี กล่าวว่า ระบบราชการ เมื่อเกษียณแล้วยังได้เงินบำนาญ ประกอบกับอัตราการเสียชีวิตก็ลดลง ทำให้ภาระส่วนนี้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลจึงพยายามกระตุ้นด้วยมุ่งสู่รัฐบาลดิจิตอล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดขนาดของจำนวนข้าราชการ ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานบริการประชาชนด้วยระบบดิจิตอล นำไปสู่การลดอัตรากำลังในบางกลุ่มงาน
เพิ่มเงินเดือนกลุ่มมัลติสกิล
นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ. ยังอยู่ระหว่างศึกษาเรื่องการปรับอัตรากำลังข้าราชการ ว่า หากลดจำนวนข้าราชการลงแล้ว ค่าตอบแทนของข้าราชการต้องดีขึ้น เพราะในอนาคต ข้าราชการ 1 คน ต้องมีความสามารถหลากหลาย หรือ Multi Skill ฉะนั้น ค่าตอบแทนจะตายตัว หรือ Fix all ไม่ได้ เพราะหากเทียบกับเอกชน ถ้าทำงานหลายอย่างก็จะมีค่าตอบแทนมากขึ้นตามความสามารถ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีคนเก่งอยู่ในระบบราชการ
"ผลศึกษานี้ สำนักงาน ก.พ. ก็กำลังเร่งทำอยู่ใกล้จะเสร็จแล้ว ตั้งใจว่าจะเสนอในรัฐบาลนี้ เพราะรัฐบาลนี้มอบหมายงานให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการปฏิรูประบบราชการ ก็คิดว่าจะเสนอให้ได้ก่อนหมดรัฐบาลนี้ จะเสนอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนจะซื้อไอเดียหรือไม่ ก็เป็นอีกประเด็น" เลขาธิการ ก.พ. กล่าว
ส่วนจำนวนข้าราชการจะลดลงเท่าไหร่ ขอยังไม่เปิดเผย แต่เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่ช่วง 1 ปีจากนี้ จะได้เห็นอะไรชัดเจนมากขึ้น พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดโครงการเกษียณก่อนกำหนด เพราะ ก.พ. เคยมีประสบการณ์มาแล้ว แต่ปรากฏว่า คนที่ต้องการให้อยู่กลับออก ส่วนคนที่ต้องการให้ออกกลับยังอยู่ในระบบราชการ
หั่นงบข้าราชการ 2.3 แสนล้าน
รายงานข่าวจากสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2563 รัฐบาลตั้งเป้าลดงบประมาณรายจ่ายแผนงานบุคลากรภาครัฐลงกว่า 2.3 แสนล้านบาท จากปัจจุบัน ในปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลมีค่าใช้จ่ายแผนงานบุคลากรภาครัฐทั้งสิ้น 1,060,960 ล้านบาท ตั้งเป้าปรับลดลงเหลือ 823,583.88 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2563 หรือ ลดลง 237,376 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2564 คาดว่ารายจ่ายแผนงานบุคลากรภาครัฐจะอยู่ที่ 860,730.32 ล้านบาท และปี 2565 ที่ 898,509.55 ล้านบาท ตามลำดับ
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,412 วันที่ 25 - 27 ต.ค. 2561 หน้า 01-02
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
"วิษณุ" เผย ขยายเกษียณอายุราชการเป็น 63 ปี ไม่ทันรัฐบาลนี้
●
K&K Balance ทุ่ม 100 ล้าน ผุดศูนย์วัยเกษียณครบวงจร