บสย.ลุยค้ำ2โครงการใหม่

04 ส.ค. 2561 | 08:04 น.
บสย.พร้อมลุย 2 โครงการใหม่ หลังครม.อนุมัติ ชี้โครงการ PGS7 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ครอบคลุม 6 กลุ่ม ต่อยอดผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อ 4.3 หมื่นราย ดันสินเชื่อในระบบเพิ่ม 2.4 แสนล้านบาท ด้าน Micro ระยะ 3 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท เจาะรายย่อยวงเงินค้ำไม่เกิน 2 แสนบาทต่อราย

นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาห กรรมขนาดย่อม (บสย.)เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติวงเงินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทรัพย์ (PGS7) วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกิน 1.75% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี วงเงินไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลายื่นคำขอ 2 ปี สิ้นสุดโครงการวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 โดยงบประมาณรัฐไม่เกิน 9% ของวงเงินค้ำประกันโครงการ หรือรวมไม่เกิน 1.35 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้บสย.จะรับผิดชอบจ่ายค่าประกันชดเชย โดยเฉลี่ยไม่เกิน 24.25% ของภาระค้ำประกันเฉลี่ย ซึ่งปรับลดลงจากโครงการ PGS6 ที่รับผิดชอบอยู่ที่ 30% ซึ่งคาดว่า จะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน 4.3 หมื่นราย ก่อให้เกิดสินเชื่อเพิ่มขึ้นในระบบ 2.4 แสนล้านบาท

ส่วนโครงการค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการรายย่อย ระยะที่ 3 หรือ Micro3 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท จะเน้นกลุ่มรายย่อยและต่อยอดโครงการสวัสดิการของรัฐ โดยวงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 2 แสนบาท อัตราค่าธรรมเนียม 1-2% ต่อปี โดยฟรีค่าธรรมเนียมในปีแรก ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี ซึ่งงบประมาณรัฐไม่เกิน 20% ของวงเงินค้ำประกันโครงการ รวมไม่เกิน 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าธรรมเนียม 300 ล้านบาท และที่เหลือ 2,700 ล้านบาท เพื่อรองรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPG) คาดว่าจะช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน 1.5 แสนราย ก่อให้เกิดสินเชื่อเพิ่มในระบบ 1.5 หมื่นล้านบาท

“คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะเปิดคำขอค้ำประกันสินเชื่อเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนตามนโยบายของภาครัฐและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินต่อเนื่อง”

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ บสย. กล่าวเพิ่มเติมว่า บสย.คาดว่าหลังจากเปิดรับคำขอค้ำประกันสินเชื่อทั้ง 2 โครงการ ภายในสิ้นปีนี้น่าจะมียอดคำขอค้ำประกันเข้ามาทั้งสิ้นประมาณ 5 หมื่นล้านบาทและมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในสิ้นปี จะสามารถช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อ และมียอดค้ำประกันสินเชื่อได้ 1.10 แสนล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,388 วันที่ 2 - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561