GS ทุ่ม1,000 ล้านปักธงอาเซียน-บุกตลาดญี่ปุ่น

14 ก.ค. 2561 | 05:23 น.
ครบรอบ 50 ขวบปีแล้วสำหรับ “ยีเอส” ผู้นำอันดับ 1แบรนด์แบตเตอรี่ของไทย โดยครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 41% ในตลาดทดแทน และ 38% ในตลาดโออีเอ็ม ซึ่งพวกเขาไม่ได้หยุดแค่เพียงเท่านี้ โดยยังคงวาดเป้าหมายการเติบโตที่เพิ่มขึ้น และเตรียมแผนงานเพื่อจะก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน ซึ่งแนวทางหรือนโยบายจะประกอบไปด้วยอะไรนั้น ผู้บริหารหนุ่มอย่าง “ประกาสิทธิ์  พรประภา” ที่นั่งเก้าอี้กรรมการด้านการวางแผนกลยุทธ์องค์กร  บริษัท สยาม ยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด จะมาบอกกล่าวเล่าให้ฟัง

[caption id="attachment_297655" align="aligncenter" width="397"] gs-1 ประกาสิทธิ์ พรประภา[/caption]

ลงทุน 1,000 ล้านบาท

เราเตรียมงบกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นลงทุนขยายกำลังการผลิตในประเทศ 750 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตจากปัจจุบันที่ทำได้ 4 ล้านลูกต่อปี เพิ่มเป็น 5 ล้านลูกต่อปี ภายในปี 2563 และอีก 250 ล้านบาทในเมียร์มา ซึ่งจะเป็นการเปิดโรงงานแบตเตอรี่ที่นิคมอุตสาหกรรมติละวา และมีกำลังการผลิต 1แสนลูกต่อปี ขณะที่ความต้องการของตลาดรวมในเมียนมา อยู่ที่  3.5 แสนลูก คาดว่าในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 5-6 แสนลูกต่อปี

ตลาดใหม่ของยีเอส

สยามยีเอสได้สิทธิในการดูแลตลาดของประเทศเมียนมา, กัมพูชา,ลาวและมาเลเซีย ซึ่งตามแผนงานที่เราเตรียมจะรุกหนักคือเมียนมา ที่เราส่งออกไปกว่า 51 % และในมาเลเซีย เราได้เข้าไปซื้อหุ้นของโรงงานผลิตที่ปีนัง ขณะเดียวกันเราได้ประสานงานกับบริษัทแม่ เพื่อส่งออกไปประเทศอื่นๆอาทิ อินโดนีเซีย, จีน ,ตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น ซึ่งในส่วนของญี่ปุ่นนั้นเราเตรียมจะส่งเข้าไปทำตลาดอาร์อีเอ็มหรือตลาดทดแทนเพิ่มขึ้น โดยจะเริ่มเดือนกันยายนนี้ เบื้องต้นจะส่งไป 1หมื่นลูกต่อเดือน และในเดือนมีนาคมปีหน้า มีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 3 แสนลูกต่อปี

กลยุทธ์ตลาดในประเทศ

ตลาดแบตเตอรี่ในไทยแข่งขันกันอย่างรุนแรงในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา ซึ่งยีเอสนอกจากจะมีการพัฒนาสินค้าออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแล้ว ยังเน้นกลยุทธ์สร้างแบรนด์ ปรับประสิทธิภาพของบุคลากรรวมไปถึงการตลาดแบบบีโลว์ เดอะ ไลน์ และอะโบฟ เดอะ ไลน์ ทำโปรโมชัน ขณะเดียวกันเราพยายามที่จะลดต้นทุน ประมาณ 3-5 % ด้วยการลงทุนเพิ่มเติมกับระบบอัตโนมัติมากขึ้น

พฤติกรรมของลูกค้า

ในส่วนของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเลือกใช้แบตเตอรี่ประเภท Maintenance Free (MF)มากขึ้น เพราะสะดวกสบายและประหยัดเวลาการดูแลรักษา ซึ่งยอดขายแบตเตอรี่ประเภทนี้ของเราเติบโตมากกว่า 50 % นอกจากนั้นแล้วบริษัท ยังเป็นผู้นำในด้านการผลิตแบตเตอรี่ ISS สำหรับรถIdling start stop และตอนนี้เรากำลังศึกษาเทคโนโลยีในการประกอบแบตเตอรี่ Lithium Ion สำหรับรถยนต์ไฮบริด

เป้าหมายรายได้

ในปีที่ผ่านมาเรามีรายได้รวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท และในปีนี้ตั้งเป้าที่จะเติบโต 8% ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดก็จะเพิ่มขึ้น โดยในตลาดทดแทนจะเพิ่มเป็น 44% และในตลาดโออีเอ็ม 33% ปัจจุบันยีเอสเราแบ่งสัดส่วนการขายของเราออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ โออีเอ็ม  25% ,อาร์อีเอ็ม 55% และส่งออก 20%

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,383 วันที่ 15 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2561