เงินบาทแข็งค่ากรอบแคบ31.54 บาทต่อดอลลาร์ฯจับตาผลประชุมอีซีบีหนุนดอลลาร์แข็ง
เงินบาท 26 เม.ย.61 ขยับแข็งค่ากรอบแคบ 31.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังรับแรงหนุนผลประชุมอีซีบี กดดันการถือครองเงินยูโร จับตาอีซีบีใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย มองกรอบเงินบาทวันนี้ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นจาก 31.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ ณ สิ้นวันที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับ 91 จุด หลังบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 3% ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ และดอลลาร์ เริ่มกลับมาเป็นบวกมากขึ้น (บอนด์ยีลด์สูงขึ้น หนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น)
นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ ยังได้รับแรงหนุนจากการเก็งผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันนี้ ซึ่งคาดว่า ธนาคารกลางยุโรปจะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อ ส่งผลให้ตลาดมีการลดสถานะถือครองค่าเงินยูโรลง อย่างไรก็ดี ตลาดจะจับตา ถ้อยแถลงของนายมาริโอ้ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป เนื่องจาก หากประธานธนาคารกลางยุโรปมีความเห็นที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปและอัตราเงินเฟ้อ และมีความเห็นว่าธนาคารกลางยุโรปอาจจะค่อยๆลด หรือยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ได้ในปีนี้ จะสามารถหนุนให้ค่าเงินยูโรกลับมาแข็งค่าหนักได้
ทว่าหากความเห็นนายมาริโอ้ ดรากิ ยังคงมองว่าธนาคารกลางยุโรป ควรใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ รวมทั้งแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจ อาทิ การกีดกันทางการค้า อาจจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าต่อเนื่องแตะระดับ 1.20 ดอลลาร์ต่อยูโรได้ ดังนั้นในช่วงที่ดอลลาร์กลับมาแข็งค่ากดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า ผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติควรเริ่มพิจารณาป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เนื่องจาก ค่าเงินบาทยังคงมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ และแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้ ดังนั้น หากเงินบาทอ่อนค่าขึ้นไปมาก ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นจาก 31.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ ณ สิ้นวันที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับ 91 จุด หลังบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 3% ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ และดอลลาร์ เริ่มกลับมาเป็นบวกมากขึ้น (บอนด์ยีลด์สูงขึ้น หนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น)
นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ ยังได้รับแรงหนุนจากการเก็งผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันนี้ ซึ่งคาดว่า ธนาคารกลางยุโรปจะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อ ส่งผลให้ตลาดมีการลดสถานะถือครองค่าเงินยูโรลง อย่างไรก็ดี ตลาดจะจับตา ถ้อยแถลงของนายมาริโอ้ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป เนื่องจาก หากประธานธนาคารกลางยุโรปมีความเห็นที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปและอัตราเงินเฟ้อ และมีความเห็นว่าธนาคารกลางยุโรปอาจจะค่อยๆลด หรือยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ได้ในปีนี้ จะสามารถหนุนให้ค่าเงินยูโรกลับมาแข็งค่าหนักได้
ทว่าหากความเห็นนายมาริโอ้ ดรากิ ยังคงมองว่าธนาคารกลางยุโรป ควรใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ รวมทั้งแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจ อาทิ การกีดกันทางการค้า อาจจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าต่อเนื่องแตะระดับ 1.20 ดอลลาร์ต่อยูโรได้ ดังนั้นในช่วงที่ดอลลาร์กลับมาแข็งค่ากดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า ผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติควรเริ่มพิจารณาป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เนื่องจาก ค่าเงินบาทยังคงมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ และแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้ ดังนั้น หากเงินบาทอ่อนค่าขึ้นไปมาก ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ
