กลุ่มปตท.โหมลงทุน ต่อยอดนิวเอส-เคิร์ฟ

13 ก.พ. 2561 | 05:13 น.
“เทวินทร์” ยันเดินกลยุทธ์ “3 D” รับการเติบโตของกลุ่มปตท.มุ่งลดต้นทุน และขยายลงทุนทั้งในและต่างประเทศพร้อมวางงบ 2.45 แสนล้านบาท ต่อยอดเข้าสู่ New S-Curve

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของ กลุ่มปตท.ในระยะ 5 ปี (2561-2565) ว่า กลุ่มปตท. ได้วางกลยุทธ์ “3 D” ให้สอดคล้องกับธุรกิจและการเปลี่ยน แปลงของโลก เพื่อรองรับการเติบโต

โดย “Do now” ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ที่มุ่งลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตสูงสุด ซึ่งปตท.ได้ปรับใช้กับกลุ่มในเครือทั้ง 5 แห่งดังนั้นแม้ปัจจัยราคานํ้ามันดิบในตลาดโลก จะไม่ปรับตัวสูง แต่จะไม่ส่งผลกำไรของกลุ่ม ไม่เหมือนในอดีตที่เมื่อราคานํ้ามันตกตํ่า จะกระทบต่อรายได้

ptt1 ขณะที่ “Decide Now to Growth”เป็นการตัดสินใจลงทุนเพื่อการเติบโต มุ่งเน้นความชำนาญ ในธุรกิจปัจจุบัน โดยเฉพาะการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติ เช่น การจัดหาก๊าซแอลเอ็นจี การลงทุนใน FSRU (คลังก๊าซแอลเอ็นจีลอยนํ้า) ในจีนและเมียนมา การลงทุนในท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) (LNG Receiving Terminal), โครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ (EECi), การลงทุนในธุรกิจนํ้ามันในประเทศเพื่อนบ้านและการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) การซื้อกิจการในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และการลงทุนในปิโตรเคมีแครกเกอร์ ที่สหรัฐอเมริกา ของปตท.สผ., โครงการลงทุนในพาราไซลีนตลอดจนของบริษัทโกลบอลเพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ฯ (GPSC) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังนํ้า ไซยะบุรี ในสปป.ลาว

อีกทั้ง “Design Now to New S-Curve” เป็นการลงทุนใน New S-Curve เพื่อการเติบโตในระยะยาว ตอบสนองการเปลี่ยน แปลงของโลก เทคโนโลยีใหม่ พฤติกรรมผู้บริโภค และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0แนวโน้มการใช้พลังงานสะอาด วางงบไว้จำนวน 1.63 หมื่นล้านบาท อาทิ การลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System), สมาร์ท กริด เมืองอัจฉริยะการลงทุนในโครงการไฟฟ้าอัจฉริยะ, อุตสาห- กรรมพื้นฐานชีวภาพหุ่นยนต์ เอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น

พร้อมทั้งได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (provisional) จำนวน 245,202 ล้านบาท เพื่อการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่จะเป็น new s-curve ของ ปตท. ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนแนวโน้มราคานํ้ามันในปีนี้ เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 2-4 ราคานํ้ามันดิบมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้คาดว่าปี 2561 ราคานํ้ามันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 55 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เทียบกับปีก่อนเฉลี่ย 52-53 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่เดือนมกราคมปีนี้ราคานํ้ามันขึ้นไปที่ 62-65ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคานํ้ามันดิบเพิ่มขึ้น มาจากความต้องการใช้มากขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ซึ่งในปีนี้จะต้องดูหลายองค์ประกอบทั้งค่าเงินดอลลาร์ ท่าทีของประเทศผู้ผลิต นํ้ามัน รวมถึงการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ad-bkk ส่วนความคืบหน้าการโอนสินทรัพย์ให้บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) หากสามารถโอนได้ภายในปีนี้ ก็คงต้องใช้ระยะเวลาเพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีขั้นตอนการยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. รวมทั้ง PTTOR ต้องมีงบอย่างน้อย 1 ไตรมาส ดังนั้นคาดว่าไอพีโอไม่น่าจะทันในปีนี้ ส่วนการเปลี่ยนโลโกซึ่งสถานีบริการนํ้ามัน ปตท. ใช้สัญลักษณ์เปลวเพลิงนั้น ยังอยู่ระหว่างหาข้อยุติเรื่องการปรับเปลี่ยนโลโกดังกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,339 วันที่ 11 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว