เอสซีจีรุกลงทุนอีอีซี เน้นต่อยอดปิโตรเคมี

01 ก.พ. 2561 | 08:55 น.
เอสซีจี คาดตัดสินใจลงทุนปิโตรเคมีในพื้นที่อีอีซีได้ภายในปีนี้ ต่อยอดจากฐานเดิมที่มีอยู่ในภาคตะวันออก เน้นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงขณะที่ปีนี้อัดงบวิจัยและนวัตกรรมอีก 4.7 พันล้าน

นายเชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน เอสซีจี เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ทางเอสซีจีมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเช่นกันในธุรกิจปิโตรเคมี เนื่องจากโรงงานที่ตั้งอยู่ใน จ.ระยอง ถือเป็นฐานที่ตั้งสำคัญในธุรกิจปิโตรเคมีของเอสซีจีอยู่แล้ว จึงสามารถสนับสนุนนโยบายลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวได้

[caption id="attachment_254233" align="aligncenter" width="335"] เชาวลิต เอกบุตร เชาวลิต เอกบุตร[/caption]

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ 2-3 โครงการ เป็นในส่วนของการต่อยอดอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ซึ่งการศึกษาต่อยอดปิโตรเคมี จะต้องดูว่าขนาดใดจะมีความเหมาะสม และใช้เทคโนโลยีอะไร ซึ่งเบื้องต้นมองว่าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่จะลงทุนใหม่ จะต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเอสซีจี และยังเป็นการตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สอดคล้องกับการเพิ่มรายได้ของเอสซีจี ที่รายได้หลัก 46% มาจากธุรกิจปิโตรเคมี โดยผลการศึกษาคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปและลงทุนได้ภายในปีนี้

“การลงทุนปิโตรเคมีในพื้นที่อีอีซี อาจจะเป็นโครงการที่ไม่ใหญ่มากเพราะขณะนี้เอสซีจีไปเน้นการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม ใช้เงินลงทุนราว1.8แสนล้านบาทถือหุ้นในสัดส่วน 71% ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่เวียดนาม คาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนได้ในอีก2-3เดือนและคาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ราวกลางปีนี้ ใช้เงินลงทุนในปีนี้ประมาณ2หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 4 ปีครึ่งหรือแล้วเสร็จในปี 2565 ส่วนโรงงานปิโตรเคมีแห่งใหม่ในอีอีซีจะเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม

728x90-03-3-503x62-3-503x62 นายเชาวลิตกล่าวอีกว่า ส่วนการลงทุนด้านวิจัยและนวัตกรรมนั้น ในปีนี้คาดว่าจะสามารถใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับ 1% ของยอดขายรวมของปีนี้ ที่ประเมินว่าจะเติบโตราว5%หรือประมาณ 4,700 ล้านบาท จากปี 2560 มียอดขายอยู่ที่ 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาเอสซีจีใช้งบวิจัยและนวัตกรรมกว่า4,178ล้านบาท หรือ 0.9% ของยอดขายรวม

ทั้งนี้ จากการลงทุนด้านการวิจัยและนวัตกรรมดังกล่าวนั้น ส่งผลให้เอสซีจีมีรายได้จากยอดขายสินค้าเอชวีเอในปีที่ผ่านมาถึง 1.75 แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 39% ของยอดขายรวม

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,335 วันที่ 28 - 31 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9