สอดคล้องกับความคิดเห็นของนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาด MAI ที่ระบุว่า มาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นปัจจัยเสริมให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ และเตรียมตัวที่จะเข้ามาระดมในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้วเกิดการตื่นตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาด MAI ได้ทันภายในระยะเวลาที่บีโอไอกำหนด โดยกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จะประกอบไปด้วย 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่ได้รับสิทธิ์จากบีโอไออยู่แล้ว และ 2. กลุ่มที่สนใจเข้าตลาด MAI ซึ่งกลุ่มที่ได้รับสิทธิ์บีโอไออยู่แล้วก็จะเร่งดำเนินการเพื่อให้ทันกำหนดใน 3 ปี เพื่อรับสิทธิ์ประโยชน์เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวนี้คงช่วยกระตุ้นให้เอสเอ็มอีต้องการเข้าตลาด MAI ได้บ้างแต่คงไม่มากเท่าใดนัก เพราะการจะเข้าตลาด MAI จะต้องมีขั้นตอนในการเตรียมตัวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทางด้านการตรวจสอบบัญชี การปรับปรุงองค์กร และผลการดำเนินงาน เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันมี 100 บริษัทขนาดกลางที่เตรียมตัวจะเข้าตลาด MAI โดยทุกบริษัทมีที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้ตรวจสอบบัญชีซึ่งปี 2561 คาดว่าจะสามารถเข้าสู่ตลาด MAI ได้ 15 บริษัท
“บริษัทที่น่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวนี้อย่างแน่นอนก็คือ บริษัท ซัน สวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูป และผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่นๆ รวมถึงธุรกิจจัดหาและซื้อมาจำหน่ายไปซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารและผลผลิตทางการเกษตร โดยมีแผนจะเข้าตลาด MAI ในปีหน้าในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งบริษัทดังกล่าวจะได้รับทั้งสิทธิ์ในการส่งเสริมจาก MAI และตามมาตรการใหม่”
อย่างไรก็ตาม MAI เตรียมที่จะหารือกับบีโอไอเพื่อหาแนวทางในการทำงานร่วมกัน เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ต้องการจะเข้าตลาด MAI ผ่านการจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้ และจัดกิจกรรมร่วมกัน โดยการประสานความร่วมมือในครั้งนี้ก็เพื่อดูว่ามีบริษัทใดบ้างที่ได้รับการส่งเสริมจาก บีโอไอ และมีบริษัทใดที่กำลังยื่นคำขอเข้าตลาด MAI ภายในระยะเวลา 3 ปีที่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งจะทำให้ได้ตัวเลขของบริษัทที่ชัดเจนมากขึ้น”