กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ

04 ธ.ค. 2560 | 07:55 น.
 

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ มองบาทอาจปรับฐานหลังไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.80 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.61 บาทต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยด้วยมูลค่า 5.8 พันล้านบาทและ 800 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับเงินยูโรและเงินเยน หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และความหวังเรื่องการปฏิรูปภาษีส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับขึ้น ส่วนเงินปอนด์แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบสองเดือนเนื่องจากมีสัญญาณเชิงบวกจากการเจรจาเรื่อง Brexit โดยมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับจำนวนเงินที่อังกฤษต้องชำระเพื่อออกจากสหภาพยุโรป ขณะที่ประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์ยังไม่มีข้อสรุป

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปี มีแนวโน้มปรับฐานหลังจากที่ไม่สามารถแข็งค่าผ่านระดับ 32.50 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญเชิงจิตวิทยา ขณะที่ดอลลาร์มีปัจจัยหนุนระยะสั้นเข้ามาโดยเราคาดว่านักลงทุนต่างชาติไม่น่าจะปรับเพิ่มสถานะการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในช่วงก่อนสิ้นปี หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติ 51-49 เสียงผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีครั้งสำคัญ โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการหารือในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีการปรับเนื้อหาเพื่อหาจุดร่วมระหว่างร่างฯ ของสองสภา ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถลงนามได้ก่อนวันคริสต์มาส ทั้งนี้ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ พรรครีพับลิกันยังไม่สามารถออกกฎหมายสำคัญใดๆ ได้เลย ดังนั้นพรรครีพับลิกันจึงตั้งความหวังสูงต่อร่างกฎหมายนี้ และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่กฎหมายปฏิรูปภาษีจะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2561 อย่างไรก็ตาม ในภาพเศรษฐกิจโดยรวม นักเศรษฐศาสตร์ยังกังวลต่อภาวะขาดดุลแฝด หรือ Twin Deficit โดยสหรัฐฯ ประสบปัญหาขาดดุลทั้งบัญชีเดินสะพัดและดุลงบประมาณ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะยาว ในสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นข้อมูลสำคัญชิ้นสุดท้ายก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 12-13 ธันวาคม ซึ่งในการประชุมรอบนี้ เราคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% โดยจุดสนใจของตลาดจะอยู่ที่การประเมินภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ รวมถึงการส่งสัญญาณว่าในปี 2561 เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกสามครั้งตามที่เคยให้ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ โปรโมทแทรกอีบุ๊ก