มุ่งจับนักท่องเที่ยว แก้FMCGติดลบ
นีลเส็น ชี้ตลาดท่องเที่ยวจีนและเอเชีย เป็นโอกาสสร้างยอดขายให้ผู้ประกอบการไทย หลังตัวเลขจีดีพีการบริโภคของเอกชนยังตํ่าหนี้ครัวเรือนยังสูง ตลาดอุปโภคบริโภคตกตํ่าสุดรอบ 10 ปี
นางสาวสมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่าการประกาศจีดีพี หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ของรัฐบาล ที่มีอัตรา 3.3-3.8% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีมาก แต่หากพิจารณาข้อมูลในเชิงลึกจะพบว่าการลงทุนที่ผลักดันจีดีพี ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนของภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยว โดยในส่วนของการลงทุนภาครัฐมีสัดส่วนอยู่ที่12.6% แต่ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชนอยู่ในอัตรา3.0% เท่านั้นเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่อยู่ในอัตรา2.0% ซึ่งหมายความว่าการจับจ่ายใช้สอยของภาคเอกชนของผู้บริโภคมีน้อย
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวช่วง5ปีก่อนหน้านี้ จำนวนนักท่องเที่ยวมีเพียง 14 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น30 ล้านคนในจำนวนดังกล่าว 30% เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งธุรกิจที่มีโอกาสสร้างการเติบโตได้ หากสามารถปรับตัวจับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนได้ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวอีก 1 ใน 3 เป็นกลุ่มประเทศอินเดีย เกาหลี และสปป.ลาว ทำให้เป็นโอกาสทางการตลาดสำหรับกลุ่มสินค้าที่สามารถรองรับหรือตอบรับกับนักท่องเที่ยวดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบ การจัดทำภาษาในแต่ละประเทศตามจุดจำหน่ายต่างๆ
“ปัจจุบันประเทศไทยเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเกิดจากหลายๆ ปัจจัยทั้งการเมืองและเศรษฐกิจโลก แต่อีกปัจจัยที่เกิดขึ้นมายาวนานคือหนี้ภาคครัวเรือน เปอร์เซ็นต์หนี้ภาคครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 75-80%ทำให้กระทบกับอำนาจเงินในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสิ่งที่น่ากลัวกว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นคือองค์ประกอบของหนี้ตัวแรกคือการบริโภคในครัวเรือนเติบโตประมาณ 20%ถ้าสัดส่วนหนี้100%ของบ้านหนึ่งหลัง 40% เป็นหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคทั่วไป ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้”
ทั้งนี้ เมื่อผู้บริโภคไม่ค่อยจับจ่ายสิ่งนี้จึงไปกระทบกับผู้ผลิตสินค้าและบริการและกระทบต่อไปยังธุรกิจมีเดีย เพราะผู้ผลิตสินค้าและบริการเป็นคนจ่ายเงินซื้อมีเดียทำให้อัตราการเติบโตของธุรกิจมีเดียลดลง 5-10% ในปีนี้ ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ FMCG ของประเทศไทยเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ยังมีอัตราการเติบโต 3-4% แต่ปัจจุบันนี้ติดลบ5.7%ซึ่งตํ่าที่สุดในรอบ 10 ปี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2560
นางสาวสมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่าการประกาศจีดีพี หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ของรัฐบาล ที่มีอัตรา 3.3-3.8% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีมาก แต่หากพิจารณาข้อมูลในเชิงลึกจะพบว่าการลงทุนที่ผลักดันจีดีพี ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนของภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยว โดยในส่วนของการลงทุนภาครัฐมีสัดส่วนอยู่ที่12.6% แต่ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชนอยู่ในอัตรา3.0% เท่านั้นเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่อยู่ในอัตรา2.0% ซึ่งหมายความว่าการจับจ่ายใช้สอยของภาคเอกชนของผู้บริโภคมีน้อย
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวช่วง5ปีก่อนหน้านี้ จำนวนนักท่องเที่ยวมีเพียง 14 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น30 ล้านคนในจำนวนดังกล่าว 30% เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งธุรกิจที่มีโอกาสสร้างการเติบโตได้ หากสามารถปรับตัวจับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนได้ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวอีก 1 ใน 3 เป็นกลุ่มประเทศอินเดีย เกาหลี และสปป.ลาว ทำให้เป็นโอกาสทางการตลาดสำหรับกลุ่มสินค้าที่สามารถรองรับหรือตอบรับกับนักท่องเที่ยวดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบ การจัดทำภาษาในแต่ละประเทศตามจุดจำหน่ายต่างๆ
“ปัจจุบันประเทศไทยเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเกิดจากหลายๆ ปัจจัยทั้งการเมืองและเศรษฐกิจโลก แต่อีกปัจจัยที่เกิดขึ้นมายาวนานคือหนี้ภาคครัวเรือน เปอร์เซ็นต์หนี้ภาคครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 75-80%ทำให้กระทบกับอำนาจเงินในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสิ่งที่น่ากลัวกว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นคือองค์ประกอบของหนี้ตัวแรกคือการบริโภคในครัวเรือนเติบโตประมาณ 20%ถ้าสัดส่วนหนี้100%ของบ้านหนึ่งหลัง 40% เป็นหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคทั่วไป ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้”
ทั้งนี้ เมื่อผู้บริโภคไม่ค่อยจับจ่ายสิ่งนี้จึงไปกระทบกับผู้ผลิตสินค้าและบริการและกระทบต่อไปยังธุรกิจมีเดีย เพราะผู้ผลิตสินค้าและบริการเป็นคนจ่ายเงินซื้อมีเดียทำให้อัตราการเติบโตของธุรกิจมีเดียลดลง 5-10% ในปีนี้ ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ FMCG ของประเทศไทยเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ยังมีอัตราการเติบโต 3-4% แต่ปัจจุบันนี้ติดลบ5.7%ซึ่งตํ่าที่สุดในรอบ 10 ปี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2560
