‘เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวไทย’อุบลราชธานี อบอุ่น อุดมสมบูรณ์ อารยธรรมอันงดงามแห่งอุษาคเนย์

นึกถึงอุบลราชธานีเมื่อใด รู้สึก “อบอุ่นเสมอ”เพราะที่นี่คือบ้านเกิด” คำกล่าวที่เป็นมิตรและดูเป็นกันเองของ คุณแม่บานเย็น รากแก่น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(การแสดงพื้นบ้าน-หมอลำ) ประจำปี พ.ศ. 2556 ทำให้เราสัมผัสถึงความใกล้ชิดและรู้สึกถึงไออุ่นอันนุ่มลึกอย่างแท้จริง เสมือนมาเที่ยวกับคนรุ่นเก๋าเจ้าถิ่น สร้างกลิ่นอายรสชาติแห่งการเดินทางครั้งใหม่ให้กับทรรศนาจรในวันนี้ได้อย่างน่าสนใจ และชวนหลงใหลไปกับดินแดนที่เต็มเปี่ยมไปด้วย อารยธรรม วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่งดงามอย่างอุบลราชธานี ผ่านการเล่าเรื่องราวอันน่าสนใจจากศิลปินแห่งชาติ คณาจารย์ด้านวัฒนธรรม รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญโบราณคดี ถือได้ว่าเป็นการรวมตัวและสานต่อโครงการ “เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวไทย” อันเกิดจากการบูรณาการในหลากหลายภาคส่วน อาทิ ภาครัฐ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคเอกชน สายการบินไทยแอร์เอเชีย และภาคประชารัฐจากชุมชนในท้องถิ่น เพื่อท่องเที่ยวอุบลฯในแง่มุมเชิงลึกที่กลมกล่อมไปด้วยเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้มาก่อนอย่างแท้จริง

“อุบลราชธานีเป็นดินแดนที่งดงาม มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานนับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเรื่องราวอันทรงคุณค่าดังกล่าวได้ถูกนำมาสืบสานพร้อมกับธำรงไว้จวบจนถึงปัจจุบัน” นายชัชพงศ์ เอมะสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะเจ้าถิ่นเล่าให้เราฟังอย่างเป็นกันเอง สอดรับกับมุมมองของคุณธนกร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี ว่า จังหวัดของเราเป็นจุดหมายปลายทางแห่งหนึ่งสำหรับการส่งเสริมการตลาดและการท่องเที่ยวยุคใหม่ โดยเฉพาะ “กลุ่มผู้สูงวัย” เพราะกลุ่มคนรุ่นเก๋าส่วนใหญ่เพียบพร้อมไปด้วยปัจจัยที่หลากหลาย ทั้งเวลา งบประมาณ และการเรียนรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งอุบลฯ ตอบโจทย์การเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย อีกยังทั้งครบถ้วนไปด้วยศิลปะ ศาสนา และทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวอุบลราชธานีในแบบเก๋ายกก๊วนครั้งนี้ดูน่าสนใจและตื่นเต้นในทุกมุมมองจริงๆ

สำหรับหมุดหมายแรกของดินแดนแห่งนี้ ดร.เสริม ผลเพิ่ม มัคคุเทศก์ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอุบลราชธานีกว่า 25 ปี พาเราไปเรียนรู้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี ซึ่งภายในคือห้องเรียนประวัติศาสตร์ขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวและความเป็นมา ตลอดจนเผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นของจังหวัดแห่งนี้ในหลากหลายแง่มุม อาทิ ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมทวาราวดีและเจนละ การได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมแบบไทย-ลาว การไหลเททางวัฒนธรรมหลังการขึ้นขอบขัณฑสีมาในรัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นจังหวัดแรกที่ได้เรียนรู้กับภาษากลาง อีกทั้งยังมีผ้าพื้นเมือง ดนตรี และศิลปหัตถกรรม ถือได้ว่าเป็นอนุสรณ์แห่งหนึ่งของจังหวัดในการถ่ายทอดอารยธรรมให้กับผู้มาเยือนได้รู้สึกอบอุ่นและภาคภูมิใจไปกับอุบลราชธานี

“แค่ได้รู้ว่าท่องเที่ยว แค่นี้ผมก็ได้กำไรในชีวิต” อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล) ประจำปี พ.ศ. 2559 เล่าให้เราฟังว่า การร่ายท่วงทำนองของขลุ่ย เปรียบเสมือนดั่งการได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต ฉะนั้นการเปิดโลกทัศน์ด้านการท่องเที่ยวก็เช่นกัน สามารถสร้างจินตนาการที่ดีในการประพันธ์ดนตรีอยู่เสมอ และสิ่งที่ขยายความหมายของการเดินทางที่ดีจากศิลปินแห่งชาติท่านนี้ คือ ความไพเราะและงดงามจากวัดพระธาตุหนองบัว ทำให้เราสัมผัสถึงความอุดมสมบูรณ์ด้านพระศาสนา โดยวัดดังกล่าวได้ปลูกสร้างสถาปัตยกรรมพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 ภายในเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รอบองค์พระธาตุเป็นกำแพงแก้ว มีทางเข้า 4 ด้าน มีขนาดกว้างด้านละ 5 เมตร สูงประมาณ 17 เมตร ถือได้ว่าพระธาตุแห่งนี้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชนและเป็นสิริมงคลสำหรับผู้มาเยือนอย่างสุขใจในการมาอุบลฯ

“ระชดช้อยอัญเชิญดำเนินดอย พิจิตรพจงลงลอยจะคล้อยเคลื่อน ภุชงค์แผ่พังพรานสะท้านสะเทือน คลี่ขนดลดเลื่อนลงเลื้อยล้อม อารักข์ลำโขงขลังสองฝั่งฟ้า ดวงจำปามาลัยดอกไม้หอม โพธิญาณบัลลังก์กระจังจอม กัลปพฤกษ์กิ่งน้อมประนมธรรม ให้เห็นงามตามจริงมิ่งวิมุติ เห็นพิสุทธิ์ผ่องใสในสิ่งสํ่า ให้เห็นใจในใจไม่จองจำ ให้ใจนำใจเห็นตามเป็นไป ให้ใจอยู่กับใจได้รู้สึก ให้หายใจลึกลึกเมื่อนึกได้ ให้อยู่กับความว่างที่กลางใจ สะอาดใส สว่างพบ สงบงามฯ” บทประพันธ์ภูพร้าวจากอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2536 ทำให้หลงใหลและมโนภาพถึงวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว วัดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทั้งในแง่ความงดงามของธรรมชาติจากลำนํ้าโขงและความงดงามด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมของผนังด้านหลังของโบสถ์ ซึ่งในช่วงคํ่าจะสะท้อนแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้มาเยือนได้อย่างประทับใจในทุกครั้ง

“หล่อหลอมเพื่อเรียนรู้สู่รุ่นหลัง เพราะเรารักและภูมิใจในภูมิปัญญา” นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางอารยธรรมและสถาปัตยกรรมอันงดงาม วัฒนธรรมที่งอกงามสำหรับดินแดนแห่งนี้ คือ ศูนย์หัตถกรรมเครื่องทองเหลืองบ้านปะอาว โดยห้องเรียนหลังนี้ได้ถ่ายทอดภูมิปัญญาหล่อทองเหลืองแบบขี้ผึ้งหายให้กับเยาวชนรุ่นหลังได้สานต่อและสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ เครื่องใช้ทองเหลือง ระฆัง กระดิ่ง โดยมีนายบุญมี ล้อมวงศ์ ช่างรุ่น 6 ศูนย์อนุรักษ์หัตถกรรมหล่อทองเหลือง บ้านปะอาว เป็นหัวเรือใหญ่ และนี่คือหนึ่งเอกลักษณ์เมืองอุบลฯที่คนรุ่นเก๋าได้สานต่อและเชื่อมโยงสู่บรรพชนอันก่อเกิดเป็นความสุขกาย สบายใจ เมื่อได้ลงมือปฏิบัติในสิ่งที่เรารักโดยมีคุณค่าต่อสังคม

สำหรับการเดินทางไปสู่อุบลฯโดยเฉพาะรุ่นเก๋าทั้งหลายที่สนใจในการท่องเที่ยว คุณกฤษ พัฒนสาร ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เผยว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มผู้สูงอายุในประเทศที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ทางสายการบินพร้อมมอบสิทธิพิเศษให้นักท่องเที่ยววัยเก๋าได้เพิ่มนํ้าหนักกระเป๋าฟรี 20 กก. เพื่อให้การท่องเที่ยวเกิดความราบรื่นและคล่องตัวในการซื้อของกลับบ้าน ซึ่งสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560 ไม่เพียงเท่านั้นเรายังให้การสนับสนุนศิลปินแห่งชาติ 3 ท่าน สามารถเดินทางฟรีตลอดชีวิตกับสายการบินไทยแอร์เอเชียเพื่อเป็นการเผยแพร่ศาสตร์ ศิลป์และวัฒนธรรมอันดีงาม ของไทยให้เกิดการรับรู้และระลึกถึงความเป็นมาของชนชาติด้วยความภาคภูมิใจ

[caption id="attachment_202062" align="aligncenter" width="503"] อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์[/caption]

ความร่วมมือระหว่าง ททท. สายการบินไทยแอร์เอเชีย รวมทั้งภาคประชารัฐในท้องถิ่นครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างการรับรู้ ส่งเสริมโอกาส และสนับสนุนการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆด้านการท่องเที่ยวให้กับกลุ่มวัยเก๋าได้รวมสมัครพรรคพวกยกก๊วนมาเที่ยวอุบลราชธานีและจังหวัดอื่นๆ ต่อไป เพราะประเทศไทยยังมีความเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้งอีกหลากหลายรอคุณมาสัมผัส สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับกิจกรรม เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวไทย เข้าเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thai.tourismthailand.org หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวไทย รวมทั้ง www.airasia.com แอร์เอเชียใครๆ ก็บินได้ รสชาติของชีวิตอยู่ในมือคุณ ร่วมออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับเราครั้งใหม่ได้ที่ “ทรรศนาจร”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,293 วันที่ 3 - 6 กันยายน พ.ศ. 2560