Play
‘แอร์โรรูฟ’ชนขาใหญ่เอสซีจี ลุยตลาดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคามูลค่า5พันล้าน
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ตลาดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาเดือด “EPG” เข็นแบรนด์ แอร์โรรูฟลุย เจาะกลุ่มผู้รับเหมาและสถาปนิกงานโครงการ ตั้งราคาตารางเมตรละ 100 บาทคาดปีนี้ยอดขายโต 400%
นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ปฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายโพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปเปิดเผยว่า ใน ปีนี้จะทำตลาดเชิงรุกกลุ่มผลิต ภัณฑ์ฉนวนยางกันความร้อน ที่ทำตลาดโดยบริษัทลูกชื่อ แอร์โรเฟลกซ์ ซึ่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์แอร์โรรูฟ (AERO-ROOF) เป็นนวัตกรรมฉนวนยางกันความร้อนใต้หลังคา ผลิตจากยางสังเคราะห์ชนิดพิเศษ ป้องกันความร้อนไม่ลามไฟ แตกต่างจากสินค้าในท้องตลาดซึ่งบริษัทได้ทดลองจำหน่ายสินค้าเมื่อปลายปีที่ผ่านมาพบว่ากระแสตอบรับดีมียอดขายกว่า 30-40 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับสูตรสินค้าให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นและราคาถูกลงเหลือเพียง 100 บาท/ ตารางเมตร (ตร.ม.) จากเดิมต้นทุนอยู่ที่ 400 บาท/ตร.ม. จึงเชื่อว่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคซึ่งปัจจุบันตลาดรวม ของวัสดุหลังคาทุกประเภทมีอยู่ราว 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ 150 ล้านตร.ม. แต่มีการใช้วัสดุกันความร้อนเพียง 50 ตร.ม. ซึ่งบริษัทพร้อมจะทำตลาดในทุกช่องทางโดยเน้นกลุ่มรับเหมา สถาปนิกงานโครงการ ฯลฯ รวมทั้งการขยายตลาดไปในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว และเมียน มาในปี 2561 หากการตอบรับดีก็พร้อมขยายไปใน 100 ประเทศทั่วโลกที่บริษัทมีเครือข่ายอยู่ โดยปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตของแอร์โรเฟลกซ์ที่ 8% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งมีอยู่ 2,600 ล้านบาท
แอร์โรรูฟมีแผนขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงแรกจะเร่งบุกตลาดในประเทศ โดยเจาะกลุ่มโครงการเอกชนและภาครัฐที่มีการลงทุนในโครงการต่างๆ จำนวนมาก คาดว่ามูลค่างานภาครัฐจะขยายตัวได้ดี ซึ่งทางบริษัทจะเน้นการทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าโครงการ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล คลังสินค้า และ กลุ่มลูกค้าทั่วไป ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยต่อผู้อาศัยและความคุ้มค่าในการใช้งาน สำหรับการขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาด
สำหรับตลาดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาของไทย ขนาดตลาดจากการคาดการณ์ของบริษัท อ้างอิงข้อมูลจากผู้ผลิตและนำเข้าเหล็กเพื่อใช้สำหรับงานโครงสร้างหลังคา ประเมินได้ว่า พื้นที่หลังคาเหล็กประมาณ 150 ล้านตร.ม. เป็นหลังคาที่ติดตั้งฉนวนประมาณ 50 ล้านตร.ม. โดยราคาเฉลี่ยของฉนวนกันความร้อน (ราคาโรงงาน) ประมาณ 100 บาท/ตร.ม. ดังนั้นมูลค่าตลาดเท่ากับ 5,000 ล้านบาท ซึ่งฉนวนแอร์โรรูฟ ตั้งราคาให้สามารถแข่งขันได้ ทั้งนี้สินค้าที่ทำตลาดในปัจจุบันมี 1.บริษัท เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างฯ 2.SEKISUI CHEMICAL CO.,LTD. 3.บริษัท ยูนิโปร คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ จำกัด โดยเบอร์ 1 ในประเทศคาดว่าเป็น SCG
นายเฉลียว กล่าวเสริมว่าในปีนี้ (2560/2561) แอร์โรรูฟตั้งเป้ายอดขาย 50 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มียอดขาย 10 ล้านบาท (เท่า กับโตถึง 400%) โดยมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ผ่านดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่ายของแอร์โรเฟลกซ์ โดยในช่วงปี 2561 คาดว่าจะเริ่มขยายตลาดไปที่ประเทศลาว และเมียนมาก่อนขยายไปสู่ประเทศ อื่นๆ ต่อไป โดยแอร์โรเฟลกซ์ มีสัดส่วนรายได้ปี 2559/2560 ในประเทศ 28.3% ต่างประเทศ 71.7% ส่วนแอร์โรเฟลกซ์ตั้ง เป้ารายได้เติบโต 8% (ปี 2560/ 2561)
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,279 วันที่ 16 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ปฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายโพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปเปิดเผยว่า ใน ปีนี้จะทำตลาดเชิงรุกกลุ่มผลิต ภัณฑ์ฉนวนยางกันความร้อน ที่ทำตลาดโดยบริษัทลูกชื่อ แอร์โรเฟลกซ์ ซึ่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์แอร์โรรูฟ (AERO-ROOF) เป็นนวัตกรรมฉนวนยางกันความร้อนใต้หลังคา ผลิตจากยางสังเคราะห์ชนิดพิเศษ ป้องกันความร้อนไม่ลามไฟ แตกต่างจากสินค้าในท้องตลาดซึ่งบริษัทได้ทดลองจำหน่ายสินค้าเมื่อปลายปีที่ผ่านมาพบว่ากระแสตอบรับดีมียอดขายกว่า 30-40 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับสูตรสินค้าให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นและราคาถูกลงเหลือเพียง 100 บาท/ ตารางเมตร (ตร.ม.) จากเดิมต้นทุนอยู่ที่ 400 บาท/ตร.ม. จึงเชื่อว่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคซึ่งปัจจุบันตลาดรวม ของวัสดุหลังคาทุกประเภทมีอยู่ราว 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ 150 ล้านตร.ม. แต่มีการใช้วัสดุกันความร้อนเพียง 50 ตร.ม. ซึ่งบริษัทพร้อมจะทำตลาดในทุกช่องทางโดยเน้นกลุ่มรับเหมา สถาปนิกงานโครงการ ฯลฯ รวมทั้งการขยายตลาดไปในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว และเมียน มาในปี 2561 หากการตอบรับดีก็พร้อมขยายไปใน 100 ประเทศทั่วโลกที่บริษัทมีเครือข่ายอยู่ โดยปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตของแอร์โรเฟลกซ์ที่ 8% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งมีอยู่ 2,600 ล้านบาท
แอร์โรรูฟมีแผนขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงแรกจะเร่งบุกตลาดในประเทศ โดยเจาะกลุ่มโครงการเอกชนและภาครัฐที่มีการลงทุนในโครงการต่างๆ จำนวนมาก คาดว่ามูลค่างานภาครัฐจะขยายตัวได้ดี ซึ่งทางบริษัทจะเน้นการทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าโครงการ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล คลังสินค้า และ กลุ่มลูกค้าทั่วไป ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยต่อผู้อาศัยและความคุ้มค่าในการใช้งาน สำหรับการขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาด
นายเฉลียว กล่าวเสริมว่าในปีนี้ (2560/2561) แอร์โรรูฟตั้งเป้ายอดขาย 50 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มียอดขาย 10 ล้านบาท (เท่า กับโตถึง 400%) โดยมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ผ่านดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่ายของแอร์โรเฟลกซ์ โดยในช่วงปี 2561 คาดว่าจะเริ่มขยายตลาดไปที่ประเทศลาว และเมียนมาก่อนขยายไปสู่ประเทศ อื่นๆ ต่อไป โดยแอร์โรเฟลกซ์ มีสัดส่วนรายได้ปี 2559/2560 ในประเทศ 28.3% ต่างประเทศ 71.7% ส่วนแอร์โรเฟลกซ์ตั้ง เป้ารายได้เติบโต 8% (ปี 2560/ 2561)
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,279 วันที่ 16 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560