ภูเก็ต บูมไม่เลิก บิ๊กเนม ตุนที่ดินปักหมุดโครงการหรู รับกำลังซื้อต่างชาติ

28 เม.ย. 2567 | 12:48 น.

บทความ "สุรเชษฐ กองชีพ"  กรรมการผู้จัดการ “พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ” (Property DNA) ภูเก็ต บูมไม่เลิก บิ๊กเนม ตุนที่ดินปักหมุดโครงการหรู รับกำลังซื้อต่างชาติ

ภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยว และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต่อเนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร สวนสนุก สวนนํ้า บริการต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมไปถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ปี2566 มีชาวต่างชาติเข้ามาที่ภูเก็ตประมาณ 8.37 ล้านคนอาจจะยังไม่เทียบเท่าช่วงปี.2562 ซึ่งมากกว่า 14 ล้านคนแต่เป็นการขยายตัวที่ดี นอกจากนี้ ปี2566 ยังเป็นอีกปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตขยายตัวมาก มีโครงการคอนโดมิเนียม และวิลล่า รวมไปถึงบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ต่อเนื่อง และมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมาของภูเก็ต

ปี2566 เป็นอีกปีที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์เข้าไปเปิดขายโครงการใหม่ในภูเก็ต เช่น ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ที่เปิดขายโครงการขนาดใหญ่บนที่ดินกว่า 25 ไร่ซึ่งมีทั้งคอนโดมิเนียม วิลล่า และโรงแรม มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาทที่บางเทาโดยก่อนหน้าโครงการนี้เปิดขาย 2 โครงการและได้รับการตอบรับที่ดี แอสเซทไวส์มีการเข้าไปถือหุ้นในร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้เพื่อพัฒนาโครงการที่ภูเก็ต และร่วมทุนกับโบทานิก้า ลักชัวรีเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม และวิลล่าร่วมกันที่ภูเก็ต

ภูเก็ตบูม

ไซมิสแอสเสทมีแผนจะเปิดขายโครงการวิลล่าหรูเช่นกัน อนันดาฯ เองมีข่าวว่ามีที่ดินแปลงใหญ่หลายร้อยไร่ที่ภูเก็ตรอการพัฒนา หรือแสนสิริ ศุภาลัยเปิดขายโครงการในภูเก็ตมาก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่มีแผนจะเปิดโรงพยาบาลที่ภูเก็ตบนที่ดินกว่า 16 ไร่แถวหาดไม้ขาว นอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่แล้ว ยังมีผู้ประกอบรายกลาง รายเล็กในท้องถิ่นอีกไม่น้อยที่เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร และวิลล่าในภูเก็ต

  นอกจากนี้ ปี2566 ยังเป็นปีที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในภูเก็ตมากที่สุดโดยเปิดขายใหม่ประมาณ 8,700 ยูนิตโดยขายไปแล้วประมาณ 70% และในปี 2567 มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีเปิดขายใหม่อีกไม่น้อยกว่า 4,000 ยูนิต โดยคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มีราคาขายไม่เกิน 10 ล้านบาทส่วนใหญ่อยู่ในช่วงราคา 3 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไป ผู้ซื้อบางส่วนเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งมีทั้งคนรัสเซีย จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกากับชาวเอเชียอื่นๆ บ้านจัดสรรในภูเก็ตอาจจะไม่ใช่ตลาดที่มีความน่าสนใจหรือได้รับการพูดถึงมากนัก

แต่ที่ภูเก็ตมีบ้านจัดสรรเปิดขายในจังหวัดไม่ตํ่ากว่า 3,000 ยูนิตซึ่งผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่หรือคนที่เข้ามาทำงานในภูเก็ต แล้วช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจการท่องเที่ยวรวมไปถึงธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีการขยายตัวรายได้ของคนในธุรกิจมีมากขึ้นส่งผลให้บ้านในภูเก็ตขายได้มากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ตลาดบ้านจัดสรรในภูเก็ตอาจจะยังไม่น่าสนใจเท่ากับตลาดคอนโดมิเนียม และวิลล่าราคาแพง เพราะกลุ่มผู้ซื้อบ้านในภูเก็ตส่วนใหญ่เป็นคนไทย

วิลล่าหรือบ้านที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติในภูเก็ตขยายตัวแบบก้าวกระโดดเป็นไปในทิศทางเดียวกับคอนโดมิเนียม ปี2566 มีวิลล่าเปิดขายใหม่ในภูเก็ตประมาณ 1,100 ยูนิต และปี 2567 คาดว่ามีเปิดขายใหม่อีกไม่น้อยกว่า 600 ยูนิต ซึ่งก่อนหน้านี้หลายปีทีเปิดขายใหม่กันปีละไม่เกิน 100 ยูนิตเริ่มมีมากขึ้นในปี 2565 ตามการขยายตัวของกำลังซื้อต่างชาติที่เข้ามาภูเก็ตมากขึ้น โดยวิลล่าในภูเก็ตขายไปแล้วไม่ตํ่ากว่า 60% มีบางโครงการที่ปิดการขายไปแล้วแม้ว่าจะเปิดขายไม่นาน

โดยวิลล่าในภูเก็ตส่วนใหญ่หรือประมาณ 78% มีราคาขายตํ่ากว่า 50 ล้านบาท แต่มีบางยูนิตในบางโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 200 ล้านบาทขึ้นไป ผู้ซื้อในตลาดวิลล่าส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย ยุโรป และจีน อาจจะมีเอเซียชาติอื่นๆ บ้างแต่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับจีน ซึ่งตลาดวิลล่าในภูเก็ตจะยังคงความร้อนแรงต่อไปอีกในปีนี้ กลุ่มผู้ซื้อยังคงเป็นกลุ่มเดิมๆ แบบปี2566 แต่จำนวนเปิดขายใหม่อาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแต่หากโครงการต่างๆ ที่เปิดขายปีที่แล้ว และปีนี้ได้รับความสนใจมากก็เป็นไปได้ที่อาจจะมีโครงการเปิดขายใหม่มากขึ้นซึ่งคงต้องติดตามต่อไป

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตอาจจะไม่เหมือนกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ของประเทศไทย เพราะสนามบินนานาชาติ และความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก อีกทั้งเรื่องของความสวยงามของชายหาดที่ติดอันดับโลก และได้รับการโหวตต่อเนื่องหลายปีในเรื่องของความเป็นเมืองน่าเที่ยว น่าอยู่ และน่าใช้ชีวิตบั้นปลาย ดังนั้น ภูเก็ตยังคงมีความน่าสนใจต่อเนื่อง

ทั้งในเรื่องของธุรกิจการท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในแง่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อติดตามต่อเนื่องว่าจะสามารถรักษาการขยายตัวทั้งในฝั่งของอุปทาน และอุปสงค์ได้ต่อเนื่องรวมไปถึงการรักษาสมดุลของทั้งสองฝั่งที่ผู้ประกอบการต้องพิจารณาดีๆ และติดตามใกล้ชิด เนื่องจากปัญหาในหลายประเทศอาจจะมีผลต่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติได้ในอนาคต