ผู้อำนวยการศูนย์ อีพีเอส.ประจำประเทศไทย ฝากเตือนแรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ขอให้ทำตามขั้นตอนระเบียบที่กระทรวงแรงงานไทย และกระทรวงแรงงานเกาหลีใต้ตกลงกันเอาไว้ เพื่อจะได้สิทธิ สวัสดิการเท่ากับคนเกาหลีใต้ ไม่เห็นด้วยกับการไปแบบท่องเที่ยวแล้วโดดวีซ่าไปทำงาน
นาย ซึง มุก ลิม ผู้อำนวยการสำนักบริการพัฒนาบุคลากรแห่งเกาหลี ศูนย์ อี พี เอส ประจำประเทศไทย เปิดเผยที่จังหวัดอุดรธานีว่า ศูนย์ อีพีเอส.ประจำประเทศไทย ทำหน้าที่ทำการคัดเลือกทดสอบทักษะแรงงานไทย เพื่อไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ และเมื่อคนงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้จนครบสัญญา เมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว ศูนย์ อีพีเอส. ยังทำหน้าที่ในการจัดหาตำแหน่งงานในสถานประกอบการของชาวเกาหลีในประเทศไทยอีกด้วย
ใน 2 ปี ที่ผ่านมา ทางกระทรวงแรงงานประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการสอบคัดเลือกใหม่ เป็นระบบพ้อยท์ คือ ผู้ที่ต้องการไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ จะต้องผ่านการทดสอบภาษาเกาหลีใต้เป็นจำนวน 2 เท่าของตำแหน่งงานที่ต้องการ และผ่านการทดสอบทักษะตำแหน่งงาน และคัดเลือกให้เท่ากับตำแหน่งงาน หลังจากนั้นบุคคลเหล่านั้นจะสามารถสมัครไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้ ซึ่งการคัดเลือกสุดท้าย ก็จะนำเอาคะแนนการสอบภาษาเกาหลีใต้และคะแนนการทดสอบทักษา มีรวมกัน แล้วก็คัดเลือกเอาคนที่ได้คะแนนสูงตามลำดับ ซึ่งการทดสอบทุกอย่างจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมแรงงานไทยเข้ามาดูแลด้วยทุกครั้ง
ปัจจุบันนี้ในประเทศเกาหลีใต้ มีแรงงานไทยที่จัดส่งไปในระบบรัฐต่อรัฐตามข้อตกลงประมาณ 2.4- 2.5 หมื่นคน แต่มีคนไทยอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ประมาณ 2 แสนคน ซึ่งในส่วนของแรงงานไทย ที่ทำงานอยู่ในประเทศเกาหลีใต้จนครบ 4 ปี 10 เดือน เมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทย ทางศูนย์ อีพีเอส ประจำประเทศไทย จะช่วยจัดหาตำแหน่งงานตามประสบการณ์ที่ได้รับมา เข้าทำงานกับสถานประกอบการของชาวเกาหลีใต้ในประเทศไทยอีกด้วย โดยการร่วมมือกับกรมจัดหางานไทย จัดวันนัดพบแรงงานไทยที่ผ่านงานในประเทศเกาหลีใต้
นายลิมฯ กล่าวถึงการลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องผิดกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ แม้ว่าจะได้ทำงาน แรงงานดังกล่าวนั้นก็จะไม่ได้รับสิทธิ สวัสดิการ ตามกฎหมายแรงงานของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ แม้กระทั่งเรื่องของสวัสดิการต่างๆ ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ คือ แรงงานไทยที่ถูกจัดส่งไปโดยรัฐต่อรัฐอยู่จนครบสัญญาแล้ว แต่ได้ลักลอบหนีไปทำงานกับนายจ้างคนอื่น แต่ก็มีไม่มาก และทั้งสองฝ่ายกำลังหาวิธีทางแก้ไขปัญหา