‘มิสทิน’โต6%รับเกษตร-ท่องเที่ยวฟื้น

26 พ.ค. 2560 | 06:00 น.
มิสทิน ได้อานิสงค์ราคายางฟื้นตัว-การท่องเที่ยวบูม ดันไตรมาสแรกยอดขายโต 6% สวนภาพรวมตลาดเติบโต 5% ภาคใต้โตสูงสุด 10% ในรอบ 5 ปี มั่นใจยอดขายทั้งปียังโตต่อเนื่อง 5% จากปีที่ผ่านมาสร้างยอดขาย 1.4 หมื่นล้าน

นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ มิสทิน (Mistine) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากยอดขายในภาคใต้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยอัตราการเติบโตถึง 10% เติบโตเกือบเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วและถือว่าเติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ เติบโตในอัตราเฉลี่ย 2-3% เท่านั้น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือถือว่ามีอัตราการเติบโตต่ำสุดเพียง 1% ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้ดี มาจาก 2ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1.ราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะราคายางพารา มีราคาขายสูงขึ้น และ 2. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์มิสทิน ในไตรมาสแรกนี้มีอุตสหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มระดับเกษตรกรที่ถือเป็นกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของแบรนด์มิสทินด้วย นอกเหนือจากกลุ่มคนทำงานทั่วไป

นายดนัย กล่าวอีกว่า ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง มีอัตราการเติบโตประมาณ 5% ในทุกกลุ่มสินค้าและทุกช่องทางการจัดจำหน่าย แสดงให้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ แต่เป็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ขณะเดียวกันภาวะการส่งออกในอุตสหกรรมการเกษตรก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ภาวะเศรษฐกิจของปีนี้เติบโตด้วยเช่นกัน แต่ในภาพรวมอาจจะไม่เติบโตเท่ากับช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากจะให้กลับไปเติบโตในช่วงเวลาดังกล่าวน่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

“ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2 หลังจากผ่านเทศกาลสงกรานต์ ยอดขายก็เริ่มชะลอตัว ตอนีน้ตลาดเริ่มมเงียบลง ฤดูฝนก็มาเร็วด้วย แต่สำหรับมิสทินตลอดทั้งปีนี้น่าจะมียอดขายเติบโต 5% จากปีที่ผ่านมา ส่วนภาพรวมตลาดน่าจะเติบโตในอัตรา 3-4% ซึ่งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ยังคงมุ่งเน้นการทำตลาดและการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมออกสินค้าใหม่เพื่อผลักดันให้มียอดขายเติบโต 5% ทำยอดขาย 1.4 หมื่นล้านบาท”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,264 วันที่ 25 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560