ภิมลภา สันติโชค : นักบริหารผู้ผลัดดัน 'ค่า' ของทีมงาน
กลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านองค์กร (SCB Transformation) ที่ซีอีโอ ธนาคารไทยพาณิชย์ "อาทิตย์ นันทวิทยา" ออกมาประกาศชัดเจนเมื่อกลางปี 2559 เพื่อยกระดับองค์กรด้วยการพลิกโฉมงานทุกด้านใหม่ทั้งหมด พร้อมวางเป้าหมายเป็นองค์กรที่ได้รับความชื่นชม (Most Admired Bank) ที่มอบประสบการณ์ทางการเงินที่ดีๆ ให้กับลูกค้า มุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่ยั่งยืน ทุกอย่างกำลังเดินหน้า โดยส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจน คือ การหมุนเวียนเปลี่ยนงาน (Job Rotation) ของทีมบริหาร 7 คน ซึ่ง 1 ในนั้น ก็คือ "ภิมลภา สันติโชค" รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Multi-Corporate Segment ที่ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด Commercial Banking Solution
"ภิมลภา" บอกว่า การโยกย้ายครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกกับการทำงาน 8 ปีที่เอสซีบี เธอโยกย้ายหน้าที่มาแล้ว 3-4 ครั้ง แต่ละครั้ง ทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ทำในสิ่งที่ท้าทายความสามารถใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งก็ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่เป็นคนชอบเรียนรู้ และเมื่อผนวกเข้ากับนิสัยส่วนตัว ที่เป็นคนที่มีรับผิดชอบกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และพร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้การโยกย้ายตำแหน่งในแต่ละครั้ง แม้งานจะหนักหน่วงแต่ก็ไม่อุปสรรคต่อการทำงานแต่อย่างใด
ผู้บริหารรุ่นใหม่คนนี้ สำเร็จการศึกษาปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นมิชิแกน สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาตรี พาณิชยศาสตร์และการบัญชี (สาขาสถิติ) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีประสบการณ์การทำงานในแวดวงธุรกิจการเงินและตลาดทุนมากว่า 20 ปี โดยเริ่มร่วมงานกับไทยพาณิชย์ในปี 2551 ในตำแหน่งผู้จัดการ Structured Finance สายตลาดทุน และได้สร้างผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการทางการเงินหลายรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังมีประสบการณ์กับสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ บริษัทหลักทรัพย์ จาร์ดีน เฟลมมิ่ง ธนาคม บริษัท ฟิทช์ เรตติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการให้บริการลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
"ภิมลพา" เล่าว่า ความยากของการเแปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง คือ เรื่องของคน เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำคือศึกษา ดูถึงโครงสร้างในจุดที่เข้าไปรับผิดชอบ ศึกษาว่าแต่ละคนทำอะไรอยู่ หน้าที่ของเธอไม่ใข่เข้าไปทำงานแทนใคร แค่เป็นการเข้าไปช่วยเสริม ทำให้กระบวนการทำงานราบรื่นมากขึ้น ทีมงานทำงานได้ง่ายขึ้น เป้าหมายที่ตั้งไว้ มี 2 ส่วน คือ 1. กระบวนการทำงานต้องราบรื่น ทำให้ขั้นตอนการทำงานลดลง เช่น อย่างน้อยทีมงานแต่ละควรทำงานน้อยลงไป 20% ในขณะที่ผลงานเท่าเดิม หือเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม และ 2. คือการพัฒนาศักยภาพของทีมงาน สิ่งไหนที่ต้องเติมเต็ม ก็ต้องให้เขาได้เรียนรู้ หรือได้รับการอบรมเพิ่มเติม
หลังจากเข้ามารับหน้าที่ใหม่ได้เกือบเดือน สิ่งที่ผู้บริหารคนนี้ทำ คือ การเปิดดอกาสให้ทีมได้แสดงความคิดเห็น และแนะนำว่า เขาต้องการอะไร งานส่วนไหนควรปรับปรุง โดยเปิดให้ทุกคนสามารถส่งอีเมล์ส่วนตัวถึงเธอได้โดยตรง แต่ที่ย้ำคือ ต้องการ suggestion ไม่ใช่แค่ complain เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ได้ผลดี มีทีมงานน้องๆ ที่ส่ง suggestion ถึกระบวนการทำงาน การทำไกด์ไลน์ในการทำงาน เพื่อให้งานต่างๆ เดินหน้าไปอย่างมีระบบและลื่นไหล
สิ่งที่ "ภิมลพา" ต้องการ คือ เธอต้องการให้ทีมงานของเธอทุกคน ได้แสดงคุณค่าของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ หน้าที่ของเธอคือ การเรียนรู้คาแรคเตอร์ของแต่ละคน แล้วจับให้แต่ละคนทำงานในหน้าที่และในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิผลเต็มที่ ขณะเดียวกันคนทำงาน ก็ได้แสดงคุณค่าของตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
"แต่ละคนมีความเฉพาะของตัวเอง เราต้องพยายามเข้าใจว่าแต่ละคนต้องการอะไร ความหมายในการทำงานแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องพยายามสร้างให้เขามี values ตลอดเวลา เด็ก อยากได้ความรู้ เราก็หางานให้เขาทำเยอะๆ พอรุ่นโต เขาอยากบริหารอยากอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ พอโตอีกหน่อยก็อยากคุมทีม เราก็ต้องดู ตามจังหวะเวลา และความต้องการแต่ละคน บางคนอยากทำงานหลังบ้าน
อย่าให้เขาออกหน้า ซึ่งเขาก็ทำงานหลังบ้านได้ดี เราก็มอบหมายงานที่เหมาะสมให้เขา เราเชื่อว่า คนจะงานร่วมกันได้ ต้องเข้าใจคาแรคเตอร์ของแต่คน"
สิ่งหนึ่งที่ "ภิมลพา" ย้ำ คือ เธอไม่เคยสั่งงานลูกน้อง โดยที่ลูกน้องไม่เห็นด้วย ถ้าลูกน้องไม่เข้าใจ เธอจะพยายามอธิบายจนเขาเข้าใจ การทำงานของเธอไม่ใช่แค่สั่ง ส่วนใหญ่เธอจะใช้การสื่อสาร บอกให้ทีมงานรู้ว่าองค์กรต้องการอะไร และกำลังทำอะไร เพราะเมื่อทีมงานรู้และเข้าใจ ก็จะสามารถนำไอเดียออกมาช่วยพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น ตรงเป้ามากขึ้น
[caption id="attachment_145389" align="aligncenter" width="397"]
ภิมลภา สันติโชค : นักบริหารผู้ผลัดดัน 'ค่า' ของทีมงาน[/caption]
แน่นอนการทำงานมักมีข้อผิดพลาด แต่ผู้บริหารหญิงคนนี้ไม่เคยท้อ เพราะสิ่งที่เธอตั้งเป้าไว้ คือ การทำงานให้เต็มที่และทำให้ดีที่สุด หากเกิดข้อผิดพลาด นั่นคือ สิ่งที่ต้องเรียนรู้และแก้ไข แต่ถ้วยความที่เป็นเป็นคนมีแผนหนึ่งแผนสองไว้เสมอ ทำให้ความผิดพลาดแต่ละครั้งไม่หนักหนา และมีทางแก้ไขได้ทันทีเสมอ
เธอบอกว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ องค์กรต้องการให้เกิดการเชื่อมต่อในการทำงานของแต่ละฝ่าย คำที่ได้ยินบ่อยมากคือ Connect The Dot ทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งด้วยรูปแบบการทำงานของ "ภิมลพา" การ Connect The Dot ไม่น่ามีปัญหา ด้วยความเป็นคนที่ศึกษาความต้องการและพยายามเข้าใจความต้องการของคนอื่น น่าจะเป็นคุณสมบัติที่ดี สำหรับการ Connect The Dot ที่จะทำให้งานขององค์กร เดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืนตามเป้าหมาย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,258 วันที่ 4 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
"ภิมลภา" บอกว่า การโยกย้ายครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกกับการทำงาน 8 ปีที่เอสซีบี เธอโยกย้ายหน้าที่มาแล้ว 3-4 ครั้ง แต่ละครั้ง ทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ทำในสิ่งที่ท้าทายความสามารถใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งก็ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่เป็นคนชอบเรียนรู้ และเมื่อผนวกเข้ากับนิสัยส่วนตัว ที่เป็นคนที่มีรับผิดชอบกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และพร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้การโยกย้ายตำแหน่งในแต่ละครั้ง แม้งานจะหนักหน่วงแต่ก็ไม่อุปสรรคต่อการทำงานแต่อย่างใด
ผู้บริหารรุ่นใหม่คนนี้ สำเร็จการศึกษาปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นมิชิแกน สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาตรี พาณิชยศาสตร์และการบัญชี (สาขาสถิติ) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีประสบการณ์การทำงานในแวดวงธุรกิจการเงินและตลาดทุนมากว่า 20 ปี โดยเริ่มร่วมงานกับไทยพาณิชย์ในปี 2551 ในตำแหน่งผู้จัดการ Structured Finance สายตลาดทุน และได้สร้างผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการทางการเงินหลายรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังมีประสบการณ์กับสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ บริษัทหลักทรัพย์ จาร์ดีน เฟลมมิ่ง ธนาคม บริษัท ฟิทช์ เรตติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการให้บริการลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
"ภิมลพา" เล่าว่า ความยากของการเแปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง คือ เรื่องของคน เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำคือศึกษา ดูถึงโครงสร้างในจุดที่เข้าไปรับผิดชอบ ศึกษาว่าแต่ละคนทำอะไรอยู่ หน้าที่ของเธอไม่ใข่เข้าไปทำงานแทนใคร แค่เป็นการเข้าไปช่วยเสริม ทำให้กระบวนการทำงานราบรื่นมากขึ้น ทีมงานทำงานได้ง่ายขึ้น เป้าหมายที่ตั้งไว้ มี 2 ส่วน คือ 1. กระบวนการทำงานต้องราบรื่น ทำให้ขั้นตอนการทำงานลดลง เช่น อย่างน้อยทีมงานแต่ละควรทำงานน้อยลงไป 20% ในขณะที่ผลงานเท่าเดิม หือเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม และ 2. คือการพัฒนาศักยภาพของทีมงาน สิ่งไหนที่ต้องเติมเต็ม ก็ต้องให้เขาได้เรียนรู้ หรือได้รับการอบรมเพิ่มเติม
หลังจากเข้ามารับหน้าที่ใหม่ได้เกือบเดือน สิ่งที่ผู้บริหารคนนี้ทำ คือ การเปิดดอกาสให้ทีมได้แสดงความคิดเห็น และแนะนำว่า เขาต้องการอะไร งานส่วนไหนควรปรับปรุง โดยเปิดให้ทุกคนสามารถส่งอีเมล์ส่วนตัวถึงเธอได้โดยตรง แต่ที่ย้ำคือ ต้องการ suggestion ไม่ใช่แค่ complain เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ได้ผลดี มีทีมงานน้องๆ ที่ส่ง suggestion ถึกระบวนการทำงาน การทำไกด์ไลน์ในการทำงาน เพื่อให้งานต่างๆ เดินหน้าไปอย่างมีระบบและลื่นไหล
สิ่งที่ "ภิมลพา" ต้องการ คือ เธอต้องการให้ทีมงานของเธอทุกคน ได้แสดงคุณค่าของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ หน้าที่ของเธอคือ การเรียนรู้คาแรคเตอร์ของแต่ละคน แล้วจับให้แต่ละคนทำงานในหน้าที่และในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิผลเต็มที่ ขณะเดียวกันคนทำงาน ก็ได้แสดงคุณค่าของตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
"แต่ละคนมีความเฉพาะของตัวเอง เราต้องพยายามเข้าใจว่าแต่ละคนต้องการอะไร ความหมายในการทำงานแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องพยายามสร้างให้เขามี values ตลอดเวลา เด็ก อยากได้ความรู้ เราก็หางานให้เขาทำเยอะๆ พอรุ่นโต เขาอยากบริหารอยากอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ พอโตอีกหน่อยก็อยากคุมทีม เราก็ต้องดู ตามจังหวะเวลา และความต้องการแต่ละคน บางคนอยากทำงานหลังบ้าน
อย่าให้เขาออกหน้า ซึ่งเขาก็ทำงานหลังบ้านได้ดี เราก็มอบหมายงานที่เหมาะสมให้เขา เราเชื่อว่า คนจะงานร่วมกันได้ ต้องเข้าใจคาแรคเตอร์ของแต่คน"
สิ่งหนึ่งที่ "ภิมลพา" ย้ำ คือ เธอไม่เคยสั่งงานลูกน้อง โดยที่ลูกน้องไม่เห็นด้วย ถ้าลูกน้องไม่เข้าใจ เธอจะพยายามอธิบายจนเขาเข้าใจ การทำงานของเธอไม่ใช่แค่สั่ง ส่วนใหญ่เธอจะใช้การสื่อสาร บอกให้ทีมงานรู้ว่าองค์กรต้องการอะไร และกำลังทำอะไร เพราะเมื่อทีมงานรู้และเข้าใจ ก็จะสามารถนำไอเดียออกมาช่วยพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น ตรงเป้ามากขึ้น
[caption id="attachment_145389" align="aligncenter" width="397"]
แน่นอนการทำงานมักมีข้อผิดพลาด แต่ผู้บริหารหญิงคนนี้ไม่เคยท้อ เพราะสิ่งที่เธอตั้งเป้าไว้ คือ การทำงานให้เต็มที่และทำให้ดีที่สุด หากเกิดข้อผิดพลาด นั่นคือ สิ่งที่ต้องเรียนรู้และแก้ไข แต่ถ้วยความที่เป็นเป็นคนมีแผนหนึ่งแผนสองไว้เสมอ ทำให้ความผิดพลาดแต่ละครั้งไม่หนักหนา และมีทางแก้ไขได้ทันทีเสมอ
เธอบอกว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ องค์กรต้องการให้เกิดการเชื่อมต่อในการทำงานของแต่ละฝ่าย คำที่ได้ยินบ่อยมากคือ Connect The Dot ทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งด้วยรูปแบบการทำงานของ "ภิมลพา" การ Connect The Dot ไม่น่ามีปัญหา ด้วยความเป็นคนที่ศึกษาความต้องการและพยายามเข้าใจความต้องการของคนอื่น น่าจะเป็นคุณสมบัติที่ดี สำหรับการ Connect The Dot ที่จะทำให้งานขององค์กร เดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืนตามเป้าหมาย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,258 วันที่ 4 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560