กสอ.รุกดันเอสเอ็มอี สู่ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด - ออนไลน์

08 ก.พ. 2560 | 14:43 น.
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 - กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ตอกย้ำนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปี 2560 เร่งสนับสนุนการเพิ่มช่องทางตลาดให้กับผู้ดำเนินธุรกิจสู่การขายในโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ  รวมทั้งระบบอี-คอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยม เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและตอบสนองความต้องการและการใช้ชีวิตของผู้บริโภค จัดกิจกรรมส่งเสริมเพื่อการก้าวสู่ช่องทางตลาดใหม่ ๆ ผ่านกว่า 10 โครงการ ซึ่งล่าสุดยังได้ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จัดกิจกรรมมอบรางวัลให้แก่ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพโดดเด่นผ่านโครงการรางวัลเอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2559 โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการนำสินค้าเข้าสู่ช่องทางเว็บไซต์และร้านสะดวกซื้อของเครือดังกล่าวแล้วจำนวนกว่า 1,000 ราย สินค้ากว่า 20,000 รายการ

นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายและแผนงานในการขับเคลื่อนเอสเอ็มอีของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมคือการส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และช่องทางการขายอื่น ๆ โดยเฉพาะการส่งสินค้าเข้าสู่การขายในโมเดิร์นเทรดไม่ว่าจะเป็น ไฮเปอร์มาร์ท ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ รวมทั้งระบบอี-คอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยม เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและตอบสนองความต้องการและการใช้ชีวิตของผู้บริโภค โดยในปัจจุบันพบว่ามีผู้ประกอบการ SMEs ที่สามารถส่งขายสินค้าผ่านช่องทางการขายที่ได้รับความนิยมดังกล่าว เนื่องด้วยผู้ประกอบการยังไม่เข้าใจถึงกฎเกณฑ์และมาตรฐานต่าง ๆ ของตลาด ทั้งการสร้างแบรนด์สินค้า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้นวัตกรรมเพื่อการเพิ่มคุณภาพและได้รับมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ

ในปี 2560 กสอ.จึงได้จัดโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อการก้าวสู่ช่องทางตลาดใหม่ ๆ อีกกว่า 10 โครงการ อาทิ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป โครงการเพิ่มผลิตภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การให้คำปรึกษาในด้านการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์การประเมินสินค้า การจัดกิจกรรมสำรวจตลาด การกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดกิจกรรมทดสอบตลาดและการปรับปรุงกระบวนการผลิต พร้อมทั้งยังเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพได้ก้าวสู่ช่องทางการค้าในระดับที่กว้างและสูงขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดและส่งเสริมการขายให้ผู้ประกอบธุรกิจได้มีการพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการผลักดันผลิตภัณฑ์หรือสินค้าให้สามารถเข้าสู่ตลาดระดับบนเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายพรเทพ กล่าวต่อไปว่า  ล่าสุด กสอ. ได้ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จัดกิจกรรมดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถยกระดับสินค้าของตนเองให้สามารถได้มาตรฐานขายได้ในร้านสะดวกซื้อผ่าน “โครงการรางวัลเอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2559” โดยมอบรางวัลให้แก่ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพโดดเด่นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ รางวัลเอสเอ็มอียั่งยืน เอสเอ็มอียอดเยี่ยม เอสเอ็มอีดาวรุ่ง เอสเอ็มอีสินค้าเกษตร เอสเอ็มอีผลิตภัณฑ์ชุมชน เอสเอ็มอีความคิดสร้างสรรค์ และเอสเอ็มอีผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทั้งนี้ กสอ. ตั้งเป้าในอนาคตจะร่วมส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน และสามารถก้าวเข้าสู่ช่องทางการตลาดในกลุ่มของซูเปอร์มาร์เก็ต ได้แก่ ร้าน เซเว่น อีเลฟเว่นที่มีอยู่กว่า 9,000 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงการส่งเสริมผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ ทเวนตี้โฟร์ช็อปปิ้ง นอกจากนี้ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการขายสินค้าในร้านดังกล่าวจำนวนกว่า 1,000 ราย สินค้ากว่า 20,000 รายการ โดยตั้งเป้าหมายในอนาคตจะผลักดันสินค้าจากผู้ประกอบการให้มีมาตรฐาน สามารถขายในร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ่น 10 – 20 % ต่อปี

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการดำเนินงานการส่งเสริมช่องทางด้านตลาดให้กับผู้ประกอบการข้างต้น กสอ.ยังได้สร้างความสำเร็จบนเวทีการค้าโลกด้วยการร่วมมือกับเว็บไซต์อาลีบาบาดอทคอม และบริษัทเรดี้แพลเน็ตกับกิจกรรมส่งเสริม SMEs ทำธุรกิจในรูปแบบ B2B ผ่านเว็บไซต์ Alibaba.com ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางการค้าส่งออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก รวมถึงความร่วมมือทางด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและฮ่องกง ในการเผยแพร่รายชื่อผู้ประกอบการและสินค้าไทยในเครือข่ายของกสอ. บนเว็บไซต์ www.hktdc.com เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและอุตสาหกรรมไทยสู่กลุ่มผู้ประกอบการฮ่องกงและจีน นอกจากนี้ยังได้เตรียมผลักดันผู้ประกอบการในการเข้าสู่โครงการตลาดต่อยอด หรือ เออีซี เทรดดิ้ง เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นช่องทางการค้าแห่งใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้ถึง 700 ล้านคน โดยกสอ.เชื่อว่าการมีช่องทางที่ดีเหล่านี้จะเป็นการเข้าถึงถึงกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมายจากทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น