4 เดือนกระทรวงแรงงานปล่อยกู้พัฒนาฝีมือกว่า 46 ล้านบาท

07 ม.ค. 2560 | 12:47 น.
นายธีรพล ขุนเมือง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน(กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 มีสาระสำคัญเพื่อให้การพัฒนากำลังคนของประเทศมีการพัฒนาฝีมือแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยให้นายจ้างเหรือสถานประกอบการมีส่วนร่วมในการพัฒนาฝีมือแรงงานแก่พนักงานของตนเองด้วย พร้อมทั้งได้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อสนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตาม 8 วาระปฏิรูปเร่งด่วนของกระทรวงแรงงาน ภายใต้การนำของพลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ด้านการเพิ่มผลิตภาพแรงงานสู่ไทยแลนด์ 4.0  ซึ่งมีทั้งมาตรการจูงใจด้านการยกเว้นและลดหย่อนภาษีอากร รวมทั้งสิทธิประโยชน์ในด้านต่างๆ ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น  รวมทั้งสนับสนุนอุดหนุนกับผู้ประกอบการที่ส่งลูกจ้างเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และเมื่อนายจ้างได้จ่ายเงินค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือฯ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน ก็สามารถยื่นของรับเงินอุดหนุนจำนวน 1,000 บาท ต่อลูกจ้าง 1 คนทั้งนี้ไม่เกินปีละ 100,000 บาท

นอกเหนือจากมาตรการจูงใจและการช่วยเหลือหรืออุดหนุนดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เห็นชอบค่าใช้จ่ายกองทุนฯ ประจำปี 2560 เป็นค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการกู้ยืมไปใช้ในการฝึกอบรมพนักงานด้วย ซึ่งระหว่างเดือนต.ค.-ธค. 59 อนุมัติให้กู้แล้ว 26,364,000 บาท 32 แห่ง กำหนดให้ชำระคืนภายในระยะเวลา 1 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย และในเดือนม.ค.60 คณะกรรมการส่งเสริมฯ พิจารณาอนุมัติให้กู้ยืมอีก 19,998,300 บาท เพื่อให้นายจ้างหรือผู้ประกอบการนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม หรือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเพื่อให้ลูกจ้างได้รับอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้น โดยส่วนนี้มีการกู้ยืม 24 แห่ง รวมอนุมัติให้กู้ยืมแล้ว 56 แห่งเป็นเงิน 46,362,300 บาท ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีส่วนร่วมในการพัฒนากำลังคนให้มากขึ้น และจากการสำรวจพบว่ามีสถานประกอบการประสงค์กู้ยืมระหว่างเดือน ก.พ.-ก.ย.2560 อีก 11 แห่ง เป็นเงิน 5,400,000 ลาท ซึ่งการให้กู้ยืมเงินหลังจากวันที่ 12 มกราคม 2560 แล้ว จะคิดอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 3 ต่อปีเท่านั้น

นายธีรพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับนายจ้างหรือผู้ประกอบการที่มีความต้องการนำเงินไปใช้เพื่อพัฒนาบุคลากรของตนเองให้มีทักษะ และมีศักยภาพสูงขึ้น สามารถติดต่อสถาบัน/สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ