ประดิษฐ์ปัญญา ฉากที่ 15

29 มี.ค. 2567 | 23:30 น.

ประดิษฐ์ปัญญา ฉากที่ 15 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย... ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3979 หน้า 6

Educate คือ นักศึกษา (Student) ทำตามที่ตำราแนะนำจากเนื้อหาที่ กูรู ได้กำหนดไว้

ตัวอย่างที่เข้าใจง่าย อย่างเช่น ถ้าเราได้รับเชิญเป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองการแต่งงาน หลังจากได้อวยพรบ่าวสาวเสร็จ จะมีดนตรีกระหึ่มฟังแล้วขลัง เราก็จะเชิญชวนแขกเหรื่อให้ชูแก้วขึ้นมา เพื่อร่วมกันเปล่งคำแสดงความยินดีว่า ไชโย! ไชโย! ไชโย! ซึ่งเป็นคำที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงความดีใจ หรืออวยพร ยังแถมเพิ่มอีกว่า  ไชๆๆ! แล้วก็ โยๆๆ! เรารู้ไหมว่า “ไช” คือ “เจาะเข้าไป” และ “โย” คือ “ทุเรียนที่มีเม็ดห่างๆ” ตกลง เรากำลังเชียร์ใครให้เจาะทุเรียนใคร (ฮา!)

Learn คือ ผู้เรียนรู้ (Learner) ใช้ความรู้ด้วยการปฏิบัติจนเกิดทักษะจากประสบการณ์  

ตัวอย่างในบรรยากาศเดียวกัน ที่ผมเคยได้รับเชิญเป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานหลายหน ผมจะบอกแขกเหรื่อว่า งานนี้จะขออนุญาตใช้คำว่า สวัสดี! แทนคำว่า ไชโย! ผมอธิบายว่า “สวัสดี!” แปลว่า “ความเจริญก้าวหน้าที่ดีงาม” ผมเชื่อว่าในทุกงานเลี้ยง จะมีแขกรับเชิญที่มีวาจาสิทธิ์ อย่างน้อยที่สุดขอสัก 9 คน ก็น่าจะปั๊วะ ส่วนใหญ่ เจ้าสาว จะเป็นคนขำกับคำว่า สวัสดี! สวัสดี! สวัสดี! ได้ยินแล้วจั๊กกะจี้วาเลนไทน์

จังหวะก้าวในการพัฒนาปัญญา เริ่มต้นด้วยการ คิดให้ขาด วาดหวังพิเศษ เพิ่มเกรดด้วยการลองของ

สมมมุติว่าเราอยากจะเป็น นักเล่าเรื่อง เราต้องเข้าใจว่า ผู้ฟังเขาอยากรู้เรื่องที่น่ารู้แต่ไม่เคยรู้ ผู้ฟังเขาชอบมุกคลายเครียด ผู้ฟังเขาอยากได้ประโยชน์จากเรื่องเราเอามาเล่า สตาร์ทอัพได้แค่นี้ ถือได้ว่าเรียนเร็วพอควรแล้ว

“คิดให้ขาด” คือ “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า” หมายถึง “เข้าถึงความหมายกับความน่าจะเป็นได้ชัดเจน”

เศรษฐียักษ์คิว เห็นนกประหลาดเสียงหวานสีสันสวยงาม ก็เดินช้าๆ เข้าไปใกล้ๆ มือไวจับนกได้สมใจนึก นกก็ถามว่า “จับฉันทำไม” ยักษ์คิว บอกว่า “จะเอาไปขาย ข้าอยากได้เงิน จะได้รวยเพิ่มขึ้น” นกก็ขัดคอว่า “อย่าฝันว่าจะเอาฉันไปขายได้” ว่าแล้วก็กลายเป็นนกสีดำสวยงามดุจพญากา ยักษ์คิว โมโหโกรธา ข่มขู่นกว่า “ข้าจะฆ่าแก แล่เนื้อมากิน” นกก็ยั่วว่า “เอาดิ๊ ฉันตัวเล็กมาก เดี๋ยวก็โกรธอีกว่ากินไม่อิ่ม” ยักษ์คิว ขมวดคิ้ว 

นกก็แนะว่า “ถ้าผ่อนปรนให้ฉันประกันตัวฉันจะสอนกฎง่ายๆ ได้ประโยชน์สามข้อเอาป่ะ” ยักษ์คิว วัดใจ ยอมปล่อยให้นกบินไปนั่งบนกิ่งไม้ สีของขนนกเปลี่ยนกลับมาสวยพริ้ง นกวางฟอร์มจริงจังเป็นกูรูสอน ยักษ์คิว ว่า

“กฎข้อแรก : อย่าเชื่อทุกสิ่งที่คนอื่นพูด กฎข้อที่สอง : อย่าเสียใจกับสิ่งที่ไม่มี กฎข้อที่สาม : อย่าทิ้งสิ่งที่มีอยู่ในมือ” ยักษ์คิว เดือดดาลตวาดว่า “กฎนี้ข้าเคยรู้มาก่อน ยอกย้อนขยี้คิวแบบนี้ สตรอเบอรี่นี่หว่า” นกกรีดด้วยวาทะว่า “รู้แล้วยังปล่อยให้หลุด ไม่ตอกหมุดปัญญา ชะตาจึงอาภัพ!” นกพูดจบปั๊บก็บินจากไป

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ผู้ไม่รู้คุณค่าของกฎก็มักจะละวาง ผู้มีสติเจือจางย่อมไม่ระวังจึงเสียโอกาส”

“วาดหวังพิเศษ” คือ “เรื่องนี้ขุดให้ดูว่า” หมายถึง “การมีข้อมูลแปลกใหม่โดนใจกระแสสังคม”

ข่าวนี้ผู้ที่ถือศีลกินเจคงจะชอบใจ สำหรับคนทั่วไปน่าจะใจหาย เรื่องของเรื่องที่เราไม่เคยรู้เรื่องมีอยู่ว่า ล็อบสเตอร์ มี กระเพาะปัสสาวะ อยู่ที่ หัวทั้งสองข้าง

ดังนั้น ท่านกุ้ง จึงสื่อสารกันด้วยการปัสสาวะใส่เข้าหากันตัวไหนอยากให้ตัวอื่นรู้ว่าตัวเขากำลัง โกรธา ผาสุก สนใจ หรือ ใสเจีย ก็บอกกันด้วยการฉี่ กรณีนี้เกี่ยวพันกับ มะนุดตรงที่

“ไม่แน่ใจว่าในชีวิตนี้เราเคยกินรอยฉี่ที่ปนเปกันในซึ้งอบล็อบสเตอร์กันไปบ้างหรือยัง?” (ฮา) ความลับประเภทนี้ ต่อให้จบ ป.เอก เกียรตินิยม ก็เสียท่าได้แบบเดียวกับ เศรษฐียักษ์คิว อิๆ…

ประเทศที่ออกไปเสาะหา ดวงดาว นอกโลก เช็คกันให้แม่นก่อนจะลงทุน ใครหวังจะไปตั้งรกรากขอแจ้งให้ทราบว่า พระจันทร์ เขาก็มีแผ่นดินไหว แถมยังไหวในระดับตื้นอีกต่าง

หากในช่วงใดที่ดวงจันทร์หดตัวเมื่ออุณหภูมิเย็นลง เปลือกผิวของดวงจันทร์จะล่อนหลุดปริแตก แถมโปรโมชั่นอุกกาบาตพุ่งชนจึงเกิดแผ่นดินไหวมอบให้อีก “หนึ่งทางเหลือก!” (ฮา)

นักอวกาศไทยจะเหาะไปลงที่ดวงจันทร์เมื่อไหร่ โปรดกรุณาอย่าเอากลองแห่นาคไปตีฉลองกันบนโน้น ผิวดินกระเพื่อมวิ่งกันหัวโกร๋นเดียวจะหาว่าไม่บอก (ฮา)

ใครที่จัดตั้งฟาร์มโคนม ควรจะเอาอกเอาใจ โคนม ให้ดี เป็น ทาสแมว ได้ น่าจะรับเป็น ทาสโคนม ได้ ข้อมูลที่รู้ไว้ใช่แหงๆ สำหรับโคนม คือ เมื่อเขาได้ฟังเพลงที่คึกคัก โคนมจะผลิตนมได้มากขึ้นอีก 3 เปอร์เซ็นต์ โคนม ไม่ชอบเพลงลูกทุ่ง เพลงของ วิลลี่ เนลสัน มักจะมีทำนองเพลงบลูวส์ หวานปนโศกชวนง่วงปะปนอยู่บ่อยๆ โคนม ต้องการฟังเพลงที่มี เมโลดี้ และ จังหวะ เข้ากับ ลีลาการรีดนม พอดี (ฮา)

“เพิ่มเกรดด้วยการลองของ” คือ “เรื่องนี้ฝันให้ดูว่า” หมายถึง “การมีแง่คิดโดนใจกระแสสังคม”

ใคร่ครวญกันง่ายๆ “มนุษย์” คิดแต่ จะให้…! จะให้…!  “คน” คิดแต่ จะเอา…! จะเอา…! (ฮา)

ถ้าเราเป็นหญิง ถามจริงๆ ว่าใจเราจะอ้าแขนรับใคร ผมจึงปรับหลักในการทำมาหากินกันใหม่โดยร่วมใจกันว่า

○ ท่านใดเชิญผมไปเล่ามุกฮาปัญญาเฮงให้ใครฟังเมื่อใด

○ ผมจะรับจ้างเล่าทักษะด้วยหลัก ผมได้ คุณได้ เขาได้

○ คติพระผู้ให้ย่อมเป็นที่รักถ้าอยากจะได้ต้องให้เขาก่อน

○ ผมรับเบี้ยเลี้ยง 50% บริจาคให้ผู้ด้อยโอกาส 50%

○ ร่วมทำมาหากินแบบไม่หวังรวยช่วยสังคมกันบ้างดีกว่า

จะเห็นได้ว่า มุมมองในการ ดำริ สรรหา ตัดต่อ เรียบเรียง และ ขมวดแก่น ไม่ใชเรื่องกล้วยๆ นักวาดภาพล้อบอกกับผมว่า “วาดนะง่ายนิดเดียว มันยากตรงที่ว่า กว่าจะคลำเนื้อหาให้ถุกจุด” ทักษะการคิดต้องปัง