ไล่ซื้อที่ดินติดรถไฟฟ้า พี่เบิ้ม‘คีรี-ศุภาลัย’ตุนทุกทำเลทุกสาย

ระเบิดชิงที่ทำเลทองรถไฟฟ้า บิ๊กเนมลุยซื้อดะ“คีรี” ยํ้าทุกสายทุกสถานี ดอดเจรจาโรงพิมพ์ยูโรป้าหมอชิตคูหาละ 20 ล้าน-ชายนิดขอกวาดรถไฟฟ้า 3 สายส้ม เหลือง ชมพู สูงสุด 100 ไร่ 6 แปลง ศุภาลัย ซื้อไม่อั้น พฤกษา ประกาศซื้อแปลงละ 2 ไร่

การซุ่มซื้อที่ดินแนวรถไฟฟ้าปักธงคอนโดมิเนียมของบิ๊กเนมยังระอุต่อเนื่อง แม้ซัพพลายในตลาดเหลือค้างเกือบแสนหน่วยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมฑลแต่ค่ายใหญ่กลับ ชิงความได้เปรียบ เรื่องทำเลและสายป่านเพราะต่างมองว่า รถไฟฟ้ายังมีกลุ่มกำลังซื้อ วิ่งเข้าหาต่อเนื่องทั้งไทยและต่างชาติ ขณะที่ ค่ายเล็ก เริ่มขยับตัวช้าลง

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริษัท บริษัทบีทีเอสกรุ๊ปโอลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าตามแผนที่ร่วมลงทุนกับ บมจ. แสนสิริ จำกัด (มหาชน)ภายใต้ บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้งวันจำกัด ว่าปีนี้ล็อตแรกบริษัทพร้อมซื้อที่ดินแนวรถไฟฟ้ารัศมีห่างจากสถานีที่เปิดให้บริการ และอยู่ระหว่างดำเนินการประมาณ 500 เมตร 3-4 แปลง พัฒนาคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง ราคาที่รับซื้อตั้งแต่ ตารางวาหลักแสนจนถึงกว่า 1 ล้านบาทต่อตารางวา

สอดรับกับนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่รถไฟฟ้าบีทีเอสที่ระบุว่า แผนที่ซื้อที่ดินที่ร่วมกับบมจ.แสนสิริ ซื้อรัศมี 500เมตร ทุกสายสถานี รถไฟฟ้า ที่มีความชัดเจนว่า จะสร้างและเปิดให้บริการนอกจาก รถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการปัจจุบัน ไม่ใช้รถไฟฟ้าที่อยู่ในกระดาษ ส่วน ขนาดแปลง และจำนวนกี่ไร่นั้น ไม่กำหนดเจาะลงลงไป เพราะขึ้นอยู่กับการเจรจา อย่างไรก็ดีมองว่า คอนโดมิเนียม แนวรถไฟฟ้ายังไปได้แม้ว่า จะมีหน่อยรอการขายที่มาก แต่ บริษัทมองว่าขึ้นกับทำเล หากเลือกทำเลที่ดี และตอบโจทย์ลูกค้าได้ โอกาสขายก็มีอยู่มาก อาทิ อโศก หมอชิต ราชเทวี สุขุมวิท 71 ฯลฯ

สำหรับที่ดิน ที่ตั้งโครงการเดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต ราคา เกือบ2แสนบาทต่อตารางเมตร ใช้พื้นที่เพียง 2ไร่ จากที่ดินที่สะสม 15ไร่เศษนายสุรพงษ์ อธิบายว่า ที่ดินที่เหลือ อาจพัฒนาคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 1โครงการ ส่วนที่เหลือจะพัฒนา เป็นอาคารสำนักงาน โรงแรมเล็กๆ รองรับโซนดังกล่าวเป็นต้น ขณะเดียวกัน ได้เจรจาซื้ออาคารพาณิชย์บริเวณใกล้เคียงในทำเลหมอชิต ซึ่งที่ผ่านมาซื้อไปจำนวน เกือบ 10 คูหา และสนใจอีก 9 คูหา ส่วนที่ดินอีกแปลง เนื้อที่เกือบ50ไร่ ริมถนนพลโยธินตรงข้ามแดนเนรมิตที่ประมูลมาจากกรมบังคับคดี ที่ร่วมทุนกับ บมจ. แกรนด์คาแนล(จีแลนด์) ตั้งบริษัท เบย์วอเตอร์จำกัด นายสุรพงษ์ ย้ำว่า อาจแบ่งมาพัฒนาร่วมทุนกับแสนสิริ เพราะติดรถไฟฟ้าและ ที่ดินแปลงค่อนข้างใหญ่

อีกค่ายที่รุกคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้านายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) ระบุว่าปีนี้ บริษัทมีแผนซื้อที่ดินแนวรถไฟฟ้าทุกสาย เพื่อรองการพัฒนา เนื่องจากมองว่า คอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้ายังไปได้โดยใช้วิธียืดหยุ่นไม่กำหนด ทำเล จำนวนแปลง จำนวนไร่

ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับ การเจรจา สอดรับกับนายอธิปพีชานนท์ กรรมการบริษัทศุภาลัยกล่าวว่า จะเน้นทำเลรถไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ตามความต้องการตลาด ส่วนทำเลที่ไม่ใช่รถไฟฟ้าก็ยังมี

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนซื้อที่ดิน พัฒนาคอนโดมิเนียม เฉลี่ยตารางเมตรละ กว่าแสนบาทขึ้นไป ทำเล รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ทำเลทำเลลาดพร้าว และศรีนครินทร์รถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรม –มีนบุรี –ตลิ่งชัน ทำเลรามคำแหง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ทำเลรามอินทรา กับแจ้งวัฒนะ โดยจะซื้อทำเลละ2แปลง ๆละประมาณ 10-100 ไร่โดยจะใช้เวลาเฟ้นหา 1เดือนนับจากนี้

“รอรัฐบาลประมูลชัด เราจะลงมือทำ เราสนใจ แปลงใหญ่ 50-100ไร่ หรือ 10-100ไร่”

ขณะที่ ค่ายพฤกษา เน้นซื้อที่ดินทำเลรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการปัจจุบันรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินโซนตะวันตก-ออก บีทีเอสสายสีเขียว เนื่องจาก กลุ่มเป้าหมายคือตลาดกลาง-ล่าง จึงต้องเน้นให้มีรถไฟฟ้าเปิดให้บลริการแล้วจึงจะเลือกซื้อ
เรื่องนี้ นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต รองกรรมการผู้จัดการบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า บริษัทเลือกซื้อที่ดินทำเลในซอยแนวรถไฟฟ้าเป็นหลักขณะเดียวกันไม่ให้ซ้ำรอยรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่เข้าไปพัฒนาแล้วเกิดปัญหาไม่มีลูกค้า

แหล่งข่าวจากบมจ. พฤกษากล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา ประกาศซื้อที่ดินแนวรถไฟฟ้า และ ทำเลนอกเหนือเฉลี่ยแปลงละ 2ไร่ รวมทั้ง ที่ดินเพื่อพัฒนาแนวราบ

อย่างไรก็ดีมองว่า การแข่งขันคอนโดแนวรถไฟฟ้ายังมีสูง โดยเฉพาะ กลุ่มตลาดกลางบน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,231 วันที่ 5 - 8 กุมภาพันธ์ 2560