'โฟร์ฟูดส์'โต22%สวนศก. หลังบุกเอสเอ็มอี-ตลาดนัด

25 ต.ค. 2559 | 08:00 น.
โฟร์ฟูดส์ ลงทุนกว่า 20 ล้าน เปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตสินค้าเป็นวันละ 15 ตัน รับออร์เดอร์เพิ่มอย่างต่อเนื่องสวนกระแสกำลังซื้อและเศรษฐกิจ กลุ่มเอสเอ็มอีและร้านค้าตลาดนัดโตกว่าเท่าตัว ดันผลประกอบการโต 22% หวังปีหน้ายังโตต่อเนื่อง พร้อมบุกตลาดโรงแรมและภัตราคาร เล็งลงทุนเครื่องแพ็คสินค้าเพิ่ม

[caption id="attachment_107752" align="aligncenter" width="335"] สมเจตน์ ปัญจวัฒนางกูร  กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์ ฟูดส์ จำกัด สมเจตน์ ปัญจวัฒนางกูร
กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์ ฟูดส์ จำกัด[/caption]

นายสมเจตน์ ปัญจวัฒนางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์ ฟูดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผงปรุงอาหาร และเจ้าของแฟรนไชส์ แบรนด์ชาป๊อบไทเชฟ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในไตรมาสสุดท้ายว่า ได้ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายธุรกิจเพิ่มโดยเป็นการซื้อโรงงานแห่งใหม่ สำหรับรองรับการขยายกำลังการผลิตให้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งเบื้องต้นใช้เป็นคลังสินค้าจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าที่รอการจำหน่าย ขณะที่พื้นที่บริเวณด้านหน้าโรงงานดังกล่าว ได้จัดทำเป็นร้านค้าและโชว์รูมเพื่อจำหน่ายสินค้าของบริษัททั้งหมด

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ลงทุนด้านเครื่องจักรใหม่ ที่มีความทันสมัยและกำลังการผลิตที่มากขึ้น จากเดิมที่ผลิตสินค้าได้วันละ 10 ตัน เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 15 ตัน เนื่องจากบริษัทมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาจำนวนมาก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้ออาจจะยังไม่ฟื้นตัวเป็นปกติก็ตาม ซึ่งคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากดังกล่าว เป็นเพราะบริษัทเน้นทำงานในเชิงรุก ด้วยการเข้าไปขยายฐานลูกค้ารายเดิมให้มีคำสั่งซื้อมากขึ้น และยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย

สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัท จะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับเอสเอ็มอี กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัด และกลุ่มร้านค้าทั่วไป ที่มีสัดส่วนอย่างละ 20% ซึ่งมีอัตราการเติบโตมากกว่า 100% ขณะที่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วน 60% ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าไม่เติบโต เนื่องจากภาวะกำลังซื้อและเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อยอดขายของแต่ละบริษัท ทำให้กลุ่มลูกค้าดังกล่าวมียอดสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทในอัตราคงที่

“ลูกค้าอุตสาหกรรมที่ซื้อสินค้าจากบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจอาหาร เช่น ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว ร้านฟาสต์ฟู้ดส์ ซึ่งปีที่ผ่านมายอดสั่งซื้อเข้ามาปกติ แม้ว่าบริษัทเหล่านั้นจะออกสินค้าใหม่มาทำตลาด และยอดขายสินค้าใหม่กลับไปกินส่วนแบ่งตลาดสินค้าเดิม ทำให้ยอดขายไม่ได้เพิ่มมากขึ้น แต่กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและร้านค้าทั่วไป ปีนี้ยอดขายเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมารัฐบาลมุ่งส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี และปัจจุบันคนต้องการมีรายได้เสริม บางส่วนก็ออกมาประกอบอาชีพอิสระ จึงเห็นมีตลาดนัดเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ยอดขายบริษัทเติบโตตามไปด้วย”

โดยผลประกอบการของบริษัทในรอบปีที่ผ่านมา (ตุลาคม 2558-กันยายน 2559) มีอัตราการเติบโตถึง 22% ซึ่งถือว่าเติบโตสวนกระแสตลาดและภาวะเศรษฐกิจ เป็นผลจากการที่บริษัทขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมถึงการทำงานในเชิงรุกต่างๆ ส่วนในปีหน้าบริษัทวางเป้าหมายจะรักษาการเติบโตในระดับดังกล่าว ซึ่งเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น กลุ่มร้านอาหาร ภัตราคาร และโรงแรมขนาดใหญ่ ที่จำเป็นต้องใช้ผงปรุงเพื่อประกอบอาหาร และเครื่องดื่ม ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมเพิ่มเครื่องจักร สำหรับการบรรจุสินค้าในขนาด 10 กรัม จากปัจจุบันผลิตขนาด 200 กรัมและ 500 กรัม เนื่องจากมีความต้องการจากลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,203 วันที่ 23 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559